การอ่าน
การอ่าน เป็นทักษะหนึ่งที่มีความสำคัญมาก การอ่านทำให้เกิดปัญญาและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ช่วยให้พัฒนาตนเอง และรู้จักปรับตัวให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข นอกจากนี้การอ่านยังช่วยให้เกิดความเพลิดเพลิน อารมณ์ผ่อนคลายความเครียดที่เกิดจากกิจการงานต่างๆ ดังนั้นการอ่านจึงมิได้เพียงแต่อ่านเป็น แต่อ่านแล้วนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
ประเภทของการอ่าน แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
1. การอ่านออกเสียง คือ การเปล่งเสียงถ้อยคำหรือเครื่องหมายต่างๆที่เขียนไว้ออกมา ให้ชัดถ้อยชัดคำและให้เป็นที่เข้าใจแก่ผู้ฟัง
2.การอ่านในใจ คือ การแปลความหมายของตัวอักษรออกมาเป็นความคิด และนำความคิดนั้นไปใช้ประโยชน์
การอ่านทำนองเสนาะ
1.การอ่านกาพท์ยานี กาพท์ยานี 11 จะมีจำนวนคำบาทหนึ่ง 11 พยางค์ แบ่งเป็นสองวรรค
วรรคหน้า 5 วรรคหลัง 6 ในการอ่านควรเว้นจังหวะคำดังนี้
0 0 / 0 0 0 0 0 0 / 0 0 0
มัสมั่น / แกงแก้วตา หอมยี่หร่า / รสร้อนแรง
ชายใด / ได้กลืนแกง แรงอยากให้ / ใฝ่ฝันหา
2.การอ่านกลอนสุภาพ จำนวนคำของกลอนสุภาพในแต่ละวรรคจะมีจำนวนตั้งแต่ 6 ถึง 9 คำ แต่ทั่วไปจะมีเพียง 8 คำ ในการอ่านควรเว้นจังหวะดังนี้
0 0 0 / 0 0 / 0 0 0 0 0 0 / 0 0 / 0 0 0
จันทร์กระจ่าง / กลางฟ้า / เวหาหน พื้นอำพน / นภางค์ / เหมือนอย่างเขียน
ชมดารา / ในอากาศ / ดูดาษเดียร พิศเพี้ยน / เพชรพลอย / นับร้อยพัน
3.การอ่านโคลงสี่สุภาพ ประกอบด้วยบทหนึ่งมี 30 คำ หรืออาจมีได้ถึง 34 คำ แบ่งออกเป็นสี่บาท
บาทหนึ่งแบ่งออกเป็น 2 วรรค ในการอ่านควรเว้นจังหวะดังนี้
0 0 / 0 0 0 0 0 / ( 0 0 )
ราชัน / ทรงฝึกทั้ง กระบวนการ
เทคนิค / ขั้นตอนชาญ เชี่ยวซ้อม
แกะแบบ / แม่พิมพ์งาน เทหล่อ / รูปเฮย
ปั้นแต่ง / ประดับพร้อม ผลิต / ได้งดงาม
นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการอ่านทำนองเสนาะ ดังนั้น การอ่านเราควรที่จะอ่านให้ถูกต้อง โดยเฉพาะภาษาของเราเองก็ คือ ภาษาไทย