การตกรุ่น หรือล้าสมัย
ข้อความต่อไปนี้เป็นประโยชน์ในการไปซื้อ
ถ้าหากจะมีอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์อะไรสักอย่างที่ "ตกรุ่น" หรือ "ล้าสมัย" ได้เร็วที่สุด อุปกรณ์ชนิดนั้นก็ต่างประกอบอยู่ในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือที่เรียกกันติดปากว่า "พีซี" นั่นเอง หลักความจริงเกี่ยวกับพีซี และผู้ที่ต้องการซื้อคอมพิวเตอร์ ควรพิจารณามีดังต่อไปนี้
---- ยิ่งซื้อรุ่นใหม่เท่าไร ราคาที่ต้องจ่ายก็แพงขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าซื้อในอีก อีกสามเดือนข้างหน้าคอมพิวเตอร์ที่ซื้อมาวันนี้จะมีราคาต่ำลงอีกไม่น้อยกว่า 5000 บาท
----- อีกหนึ่งปีข้างหน้าจะได้ยินพนักงานขายและบริษัทขายคอมพิวเตอร์บอกด้วยความยินดีว่า คอมพิวเตอร์รุ่นที่เราซื้อมาตกรุ่นไปนานแล้ว
------ อีกสองปีข้างหน้าเราจะทราบด้วยตัวเองว่าเทคโนโลยีใหม่ๆนั้นวิ่งเลยเทคโนโลยีของคอมพิวเตอร์ที่เราเป็นเจ้าของไปโดยสิ้นเชิง และเครื่องของเราจะถูกประทับตราว่า "ล้าสมัย" โดยปริยาย
----- อีกห้าปีข้างหน้าถ้าหากเรายังดูแลคอมพิวเตอร์อย่างดี คอมพิวเตอร์นั้นก็จะยังคงสร้างอรรถะประโยชน์สำหรับเราได้ เสมอ
จะเห็นได้ว่าแนวโน้มว่าตลาดคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะพีซี เป็นเช่นนี้จริงๆ บ่อยครั้งที่ผมได้ยินลูกค้าที่มาซื้อคอมพิวเตอร์เองก็ยอมรับว่า "รุ่นนั้น" ตกรุ่นไปแล้ว หรือคนขายเองจะพยายามแนะนำว่า อย่าไปใช้เลยรุ่นที่คุณว่ามาน่ะ เพราะว่า "ตกรุ่นไปนานแล้ว ไม่มีใครซื้อไปใช้แล้ว" แต่ผมไม่เคยเห็นใครสักคนพูดว่า " คอมพิวเตอร์รุ่นนี้จะยังใช้ประโยชน์ได้อย่างไร" แท้จริงแล้วมีสักกี่คนที่ซื้อคอมพิวเตอร์เพื่อใช้เทคโนโลยี หลายต่อหลายคนซื้อคอมพิวเตอร์เพื่อตามเทคโนโลยีด้วยกลัวว่าสิ่งที่ซื้อมานั้นจะล้าสมัย หรือใช้ได้ไม่คุ้มค่า ทั้งที่ความจริงก็ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าเทคโนโลยีนั้นมีประโยชน์อะไร
แท้จริงแล้วคอมพิวเตอร์ โดยตัวของมันเองแล้ว คุณจะสามารถใช้ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยน ระบบใหม่กว่า 5-7 ปี แต่มีข้อแม้ว่า มีบางอย่างเช่นกัน ที่ต้องเปลี่ยนแปลง เช่น เพิ่มหน่วยความจำหลัก (RAM) เพิ่มขนาด>ของฮาร์ดดิสก์ หรือซื้ออุปกรณ์เสริมบางอย่าง เช่น โมเด็ม การ์ด MPEG หรือทีวีจูนเนอร์ ทั้งนี้เพื่อความสมบูรณ์ในการใช้งานนั้นเอง
ถ้าผมเป็นนักการตลาด ผมก็จะมองอีกรูปแบบหนึ่งทำอย่างไรผมจะผลักดันสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดได้ ในภาวะที่การพัฒนาเทคโนโลยีเป็นไปด้วยความรวดเร็วเช่นนี้ แน่นอนเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นก็คงต้องเลือกทางที่จะลดมูลค่าของสินค้าที่ลูกค้ามีอยู่ในมือว่าหมดสมัยนิยมแล้ว ควรจะเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ได้แล้ว ทำนองนั้น
ทั้งนี้และทั้งนั้น ผมไม่ได้แนะนำให้ใช้ Windows3.11 กับคอมพิวเตอร์ 80386DX-33 หน่วยความจำหลัก 4 MB นะครับ ถ้าขนาดนั้นก็คงถึงเวลามองหาเพนเทียม 166 MHz มาใช้งานได้แล้ว ในขณะเดียวกันถ้ามี 486 DX4-75 หรือ DX4 -100 กับหน่วยความจำหลัก 16 MB ก็ยังไม่ต้องรีบร้อนเปลี่ยนรุ่นใหม่แต่ควรอัปเกรดโดยเพิ่มหน่วยความจำหลักอีก 16 เมกะไบต์ ก็ยังใช้งานได้อีกไม่น้อยกว่า 2 ปี
แทนที่จะกังวลว่าจะตามเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ทัน เราควรหันมากังวลว่าจะใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ในมืออย่างไรจึงจะคุ้มค่า


แหล่งอ้างอิง : คัดลอกมาจากเว็ปไซต์ เรือนไทยดอทคอม

โดย : นาง มนัสนันท์ เหิรอดิศัย, โรงเรียนวัดนาคนิมิตร, วันที่ 18 กันยายน 2545