ประวัติขนมไทย

ชาติไทยเป็นชาติที่เก่าแก่ มีอารยธรรมของตนเองมาเป็นเวลาช้านาน นับตั้งแต่สถาปนา อาณาจักรสุโขทัย คนไทยได้สร้างแบบแผนประเพณีวัฒนธรรมมาเป็นแบบอย่างเฉพาะตัวจึงทำให้ปรากฏ อยู่จนถึงทุกวันนี้

ขนมไทยเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ในหนังสือไตรภูมิพระร่วงได้เอ่ยชื่อ “ขนมต้ม”

สมัยกรุงศรีอยุธยา ในจดหมายเหตุของขุนหลวงหาวัดได้กล่าวถึง “บ้านหม้อปั้นหม้อข้าวหม้อแกงใหญ่ และกระทะเตาขนมครกขนมเบื้อง” อีกฉบับได้กล่าวถึง “ย่านป่าขนม ขายขนมชะมด กงเกวียน ภิมถั่ว และขนมสำปันนี”

สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงพระราชนิพนธ์กาพย์ เห่ชมเครื่องคาว – หวาน

ดังนั้นจึงอาจอนุมานได้ว่า คนไทยทำขนมกินอย่างแพร่หลายมานานแล้ว ในสมัยก่อนการทำ ขนมของไทย ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น เช่น ข้าว หรือแป้ง น้ำตาล มะพร้าวเท่านั้น การทำขนมแต่ละครั้งใช้เวลานาน เพราะต้องนำข้าวมาแช่น้ำให้อ่อนตัว แล้วโม่ข้าวให้ละเอียด ใส่ถุงผ้าใช้ของหนักทับ เพื่อให้ น้ำไหลออก ส่วนที่เหลือเรียกว่าแป้ง นำแป้งมาทำขนมต่าง ๆ เช่น ขนมครก ขนมต้มขาว ขนมฝักบัว ซึ่งจัดเป็นขนมพื้นบ้านของไทย

ขนมไทยจากต่างแดน

ในหนังสือประชุมพงศาวดารภาคที่ 40 ฉบับหอสมุดแห่งชาติ “เรื่องจดหมายเหตุของพ่อค้า ฝรั่งเศส” ในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยา มีชาวต่างชาติ ชื่อ คอนสแตนติน ฟอลคอน เข้ามารับราชการได้ยกย่องให้เป็นขุนนางตำแหน่ง สมุหนายกอัครมหาเสนาบดี ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นออกญาวิไชเยนทร์ มีภรรยาเป็นที่รู้จักกันในนาม ท้าวทองกีบม้า ซึ่งรับราชการเป็นผู้กำกับชาวเครื่องพนักงานของหวาน ท้าวทองกีบม้า มีนามจริงว่า มารี กีมาร์ เป็นคนซื่อสัตย์ใจบุญ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นผู้เริ่มต้นสอนให้ชาวสยามนำไข่มาทำขนมหวาน ได้แก่ ขนมทองหยิบ ขนมทองหยอด ขนมฝอยทอง ขนมฝรั่ง ขนมหม้อแกง ขนมทองม้วน ขนมสำปันนี เป็นต้น จนกลายเป็นความรู้ ติดตัวไป ในยามที่แต่งงานหรือมีครอบครัว ก็ได้นำเอาความรู้ที่อบรมไปทำและเผยแพร่ต่อ ๆไป ทำให้ตำรับการทำขนมหวาน ที่เป็นของสูงในพระราชวังได้รับการเผยแพร่ออกมาสู่ประชาชนทั่วไป

แต่เดิมขนมเหล่านี้ เป็นของชาติโปรตุเกตุ เมื่อผ่านกาลเวลาผสมผสานกับความคิด ช่างประดิดประดอยของหญิงไทย ก็ทำให้ขนมเหล่านี้ ปรับเปลี่ยนเป็นขนมไทย ๆ ในเวลาต่อมา



แหล่งอ้างอิง : รายการประทีปปริทรรศน์. เรื่องประวัติขนมไทย. โทรทัศน์ช่อง11, 2540.

โดย : นาง ฉวีวรรณ สารัตถานนท์, ดอนเมืองทหารอากาศบำรุง, วันที่ 3 สิงหาคม 2545