สมาธิสั้น (Attention deficit/hyperactivity disorder, ADHD) เป็นความผิดปกติของการพัฒนาการของเด็กที่พบได้บ่อย และมักจะพบร่วมกับความผิดปกติอื่นๆ เช่น ความสามารถในการเรียนรู้ช้า การไม่สามารถเข้าสังคมหรือไม่สามารถเข้ากับผู้อื่นได้ สมาธิสั้นพบในเด็กผู้ชายมากว่าผู้หญิง 2 - 3 เท่า ภาวะสมาธิสั้น จะแสดงพฤติกรรมที่สามารถแบ่งได้ 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. ไม่มีสมาธิ - คือภาวะที่ไม่สามารถที่จะอดทนทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้เป็นเวลานานๆ , ลืมง่าย, วอกแวกง่าย และไม่ค่อยฟังใครพูด 2. อยู่ไม่นิ่ง - ไม่สามารถอยู่นิ่งหรือสงบได้, เคลื่อนไหวตลอดเวลา, พูดเร็ว 3. ขาดความสามารถในการไตร่ตรอง - ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ทำหรือพูดโดยไม่คิด การรักษาสามารถทำได้โดย การใช้ยา การบำบัดปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมดังนี้ 1. การใช้ยา - การใช้ยากระตุ้น เช่น Ritalin (methylphenidate), Dexedrine (dextroamphetamine), Adderall and Cylert (pemoline) ได้ผลดีในเด็กและผู้ใหญ่ สามารถลดการอยู่ไม่นิ่ง และพัฒนาความสามารถในการเรียนรู้ การทำงาน และความมีสมาธิ อย่างไรก็ตาม การใช้ยาเป็นเพียงแต่ช่วยในการควบคุมอาการไว้ชั่วคราว และอาจช่วยให้มีสมาธิมากขึ้น แต่ไม่สามารถช่วยในการพัฒนาทักษะที่เฉพาะเจาะจง เช่น การอ่าน ความจำ 2. การบำบัดเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม - จะทำร่วมกับการใช้ยา ซึ่งจะทำให้การรักษาได้ผลมากยิ่งขึ้น ได้แก่ - การบำบัดทางจิต เพื่อช่วยให้ที่มีภาวะดังกล่าวยอมรับตนเองและความผิดปกติที่เกิดขึ้น - การฝึกการรับรู้ เพื่อช่วยให้เรียนรู้ในการจัดการกับพฤติกรรมของตนเอง - การฝึกทักษะทางสังคม เพื่อช่วยให้มีพฤติกรรมทางสังคมที่เหมาะสม
3 . การจัดสิ่งแวดล้อม
- เด็กที่มีภาวะสมาธิสั้นสามารถเข้าเรียนในชั้นเรียนปกติได้ แต่อาจจะต้องมีการจัดสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น - การจัดที่นั่งให้ในบริเวณที่ไม่ทำให้ความสนใจไขว่เขวง่าย - จัดพื้นที่ให้เพียงพอกับการเคลื่อนไหว เช่นการวิ่งเล่น - ยกเลิกกฏเกณฑ์ที่ไม่จำเป็น และให้รางวัลเมื่อมีพฤติกรรมที่เหมาะสม - ให้เวลาพิเศษในการสอบ - หมั่นเตือนความจำบ่อยๆ - ใช้วิธีพูดพร้อมๆกับเขียนเวลาสั่งงาน
| |