แบตเตอรี่
คลิกเพื่อเพิ่มข้อความ

ทำอย่างไรจะใช้แบตเตอรี่ให้คุ้ม

เมื่อจอดรถยนต์ไว้แล้วทำการสตารทไม่ติดหรือเครื่องยนต์ไม่ทำงาน ต้องออกแรงเข็น เนื่องจากไฟในแบตเตอรี่ไม่พอ ทั้งที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ลองมาดูว่าเราได้ดูแลมันตามที่กำหนดหรือไม่

1. ร้านค้าอาจบอกว่า แบตเตอรี่นี้ชาร์ตแห้ง เติมน้ำกรดแล้วใช้ได้ทันที แบตเตอรี่ที่ชาร์ตแห้งจะต้องอัดด้วยสูญญากาศ เวลาจะเติมน้ำกรดต้องเจาะฝา และจะมีคำว่า Dry charge ติดอยู่ข้างหม้อ แบตเตอรี่ถ้าหม้อลักษณะนี้ไม่จำเป็นต้องชาร์ตไฟ แต่ถ้าจะชาร์ตก็ไม่เป็นไร ถ้าหม้อแบตเตอรี่ไม่เข้าลักษณะนี้ ต้องทำการชาร์ตไฟเสมอ

2. น้ำกรดที่เติมต้องมี ถ.พ ประมาณ 1.240 สามารถวัดด้วย ไฮโดรมิเตอร์ ที่ร้านนั้นเอง เติมน้ำกรดไห้เหนือระดับแผ่นธาตุประมาณ 1 ซ.ม หรือดูที่ด้านข้างหม้อแบตเตอรี่ จะมี 2 ขีด คือ ขีดบน และขีดล่าง ควรเติมไห้เสมอขีดบน อย่าไห้เกิน เพราะเวลาชาร์ตไฟ น้ำกรดจะหกเลอะมาถูกตัวรถทำไห้ผุได้

3. เมื่อเติมน้ำกรดแล้วหม้อแบตเตอรี่จะร้อน ไม่ควรชาร์ตไฟทันทีควรทิ้งไว้ไห้เย็นประมาณ 12 ช.ม แล้วชาร์ตไฟช้าๆอีกประมาณ 12 ช.ม เสร็จแล้วล้างเปลือกนอกไห้สะอาด ถ้าระบบในรถยนต์ไม่มีปัญหาจะใช้หม้อแบตเตอรี่ได้ไม่ต่ำกว่า 2 ปี

    1. ตอนที่นำหม้อแบตเตอรี่ใส่ในรถยนต์ ควรหายางเก่าๆรองที่แท่นแบตเตอรี่ กันกระแทก จะทำไห้เปลือกนอกแตก ขันน็อตยึดหม้อแบตเตอรี่ให้แน่นพอควร
    2. ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ ขันขั้วไห้แน่นๆ ห้ามตอกหรืองัดเป็นอันขาด จะทำไห้แกนข้างในหักได้ แล้วทาด้วยวาสลินหรือจารบีบางๆที่ขั้วแบตเตอรี่ เพื่อป้องกันการที่น้ำกรดจะทำปฏิกิริยากับอากาศทำไห้เกิดเป็นคราบสีขาวเกาะที่ขั้วแบตเตอรี่ได้
    3. เมื่อผ่านการใช้งานมาพอสมควร ควรตรวจดูน้ำกลั่นว่า ยุบไปหรือไม่ เพราะบ้านเราอากาศร้อนการระเหยจะมีมากควรตรวจดูประมาณ 1 ครั้งต่ออาทิตย์ หากน้ำกลั่นยุบไปไห้เติมด้วยน้ำกลั่นเท่านั้น ห้ามนำน้ำกรดมาเติมเป็นอันขาด
    4. เวลาใช้งานหากปรากฏว่ามีน้ำกลั่นหกออกมาจากฝาปิด หรือเปลือกบวม แสดงว่าไฟได้ชาร์ตมากกว่าปกติไห้ปรึกษาช่างไห้ลดอัตราการชาร์ตลง
    5. หากจำเป็นต้องจอดรถยนต์ไว้เป็นเวลานานๆ ให้ถอดขั้วหม้อแบตเตอรี่ออก หากนานกว่า 1 เดือนไห้นำไปชาร์ทไฟจะช่วยไห้การใช้งานได้นานๆ

หากปฏิบัติได้ตามที่กล่าวมานี้ อายุการใช้งานของหม้อแบตเตอรี่จะนานถึงประมาณ 3-4 ปี


โดย : นาย บุญฤทธิ์ วัฒนกิจ, อู่.บุญฤทธิ์, วันที่ 6 กรกฎาคม 2545