เมื่อสมัยก่อนเวลาไปซื้อของภาชนะที่ใช้บรรจุของก็จะเป็นกระดาษที่พับเป็นถุง ถุงกระดาษก็จะมีหลายขนาดตามแต่ว่าจะใส่อะไรตั้งแต่ใส่พริกขี้หนูขีดเดียวจนกระทั่งถึงใส่ข้าวสารได้เป็นถัง ๆ เลยทีเดียว กระดาษที่นำมาพับก็มีทุกอย่างทุกประเภทที่จะหามาได้ ส่วนใหญ่ก็เป็นกระดาษเก่าคือไม่ใช้ประโยชน์แล้ว ถ้าย้อนกลับไปนึกถึงเมื่อก่อนแล้วก็คงคิดว่าใช้ถุงพลาสติกคงจะดีกว่า เพราะถ้าพูดไปแล้วคงไม่มีใครอยากใช้ใส่มากนัก
รถรับซื้อของเก่าคนก็จะนำของเก่าไปขายกันรวมทั้งกระดาษไปขาย ยิ่งตอนปิดเทอมก็ยิ่งมีกระดาษหนังสือ สมุดที่เลิกใช้แล้วนำออกมาขาย แต่คนที่พับถุงขายกลับซื้อกระดาษเก่านั้นต่อจากคนขายของเก่า ซื้อจากซอยนั้นแล้วมาขายซอยนี้ได้กำไรทันใจจริง ๆ แล้วก็ซื้อกระดาษทุกอย่างที่เป็นแผ่นพอที่จะพับเป็นถุงได้ ราคาที่ซื้อก็ต่างกันไปแล้วแต่ชนิดของกระดาษ มีทั้งหนังสือพิมพ์ กระดาษเอกสาร(A4) นิตยสารทุกขนาด กระดาษสมุด ข้อสอบ หนังสือเรียน ถุงอาหารไก่(เหมือนถุงปูน) ถุงปูนซีเมนต์ หรือจะเป็นกระดาษอย่างอื่นอีก
พ่อค้าแม่ค้าก็จะสั่งว่าต้องการขนาดไหน ไว้ใส่อะไร กระดาษแบบไหน คนพับถุงก็จะมานั่งตัดกระดาษให้ได้ตามที่สั่ง จากนั้นก็เรียงแล้วเอาแป้งมันที่กวนจนเหนียวมาทา กระบวนการพับถุงก็เริ่มขึ้นจนเสร็จเป็นถุงแล้วก็มานับแบ่งเป็นร้อยแล้วมัด พ่อค้าแม่ค้าต้องการกี่ร้อยก็เอาไปส่ง ทั้งตลาดสดตลาดแห้งก็จะใช้แต่ถุงกระดาษ ข้าวสาร กล้วยแขก เนื้อหมู พริก หอม แตงกวา ถุงเท้า สบู่ แป้ง... ใส่ถุงกระดาษทุกอย่าง
จนวันหนึ่งถุงกระดาษหมดความนิยมเนื่องจากถุงพลาสติกเข้ามาแทนที่ อาชีพนี้ก็ได้เลิกราไปเหมือนกับหลาย ๆ อาชีพที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ถึงแม้จะมีการใช้ถุงกระดาษอยู่บ้างก็ไม่มากเหมือนเมื่อก่อน แต่จำรสชาดของกล้วยแขกที่ใส่ถุงมันมีน้ำมันติดถุงกระดาษหนังสือพิมพ์ว่ามันอร่อยกว่าใส่ถุงพลาสติกตรงไหน.....
|