โรคริดสีดวงทวาร |
ริดสีดวงทวาร(Hemorrhoid)
ริดสีดวงทวาร เกิดจากการโตขึ้นกลุ่มของ เส้นเลือด และ เนื้อเยื่อ บริเวณส่วนปลายของลำไส้ตรง
โรคริดสีดวงทวารเกิดจาก ริดสีดวง เกิดจากการโตขึ้น ของ เนื้อเยื่อ Hemorrhoid ซึ่งสาเหตุแบ่งง่ายๆ เป็น 2 อย่างคือ
1.เป็นความผิดปกติของหลอดเลือดบริเวณนั้น
2.เกิดจากการเพิ่ม ความดัน ต่อ กำบังลมด้านล่าง(Pelvic Floor) นานๆ ซึ่งการเพิ่มความดัน ดังกล่าว เกิดได้จาก การเบ่งอุจจาระบ่อยๆ จากท้องผูก การยกของหนัก การยืนนานๆ รวมทั้งการตั้งครรภ์ จากการที่มีเด็กอยู่ ทำให้ เลือดไหลกลับไม่สะดวก
จากสาเหตุดังกล่าวทำให้ กลุ่มเส้นเลือดดังกล่าว โตและ ยืดออก ซึ่งการที่มีเลือดออกนั้นเกิดจาก การที่มี การบาดเจ็บของเส้นเลือด บริเวณดังกล่าว(Local Injury) ที่เจอบ่อยๆเกิดจาก อุจจาระที่แข็งมากๆ ร่วมกับ การเบ่งนานๆ ทำให้จะมีเลือดสดๆ ไหลออกจากทวารหนัก
|
|
|
โรคริดสีดวงมี 2 ชนิด คือ
1.ริดสีดวงภายใน จะมีลักษณะที่สังเกตง่ายๆ คือ
-จะคลุมด้วยเยื่อบุของทวารหนัก ไม่ใช่ผิวหนัง ด้านนอก
-จะไม่เจ็บ ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อน
-ส่วนใหญ่มักเป็นอันนี้กัน
ริดสีดวงภายใน แบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ
1.ไม่มีก้อนยื่นออกมานอกทวารหนัก
2.มีก้อนยื่นออกมาขณะเบ่งอุจจาระ และหดกลับเข้าไปได้เอง
3.มีก้อนยื่นออกมาขณะเบ่งอุจจาระ แต่ไม่หดกลับเข้าไปต้องใช้มือช่วยดันเข้าไป
4.มีก้อนยื่นออกมาและไม่สามารถใช้มือดันเข้าไปได้
2.ริดสีดวงภายนอก สังเกตง่ายๆคือ
-จะเป็นก้อนทีอยู่ข้างนอก
-ส่วนที่คลุมก้อน จะเป็นผิวหนัง มักมีอาการคัน และ เจ็บมากกว่า ริดสีดวงภายใน
-หลังจากอาการหายไป บางครั้ง ติ่งผิวหนังนั้นอาจยังอยู่ กลายเป็นติ่งเนื้อที่เรียกว่า Skin Tag
อาการของโรคริดสีดวง มี 3 อาการ
1.ถ่ายอุจจาระเป็นเลือดสด
ลักษณะจะเป็นดังนี้คือ จะถ่ายอุจจาระออกมาก่อน ( ระหว่างถ่ายอาจจะเจ็บหรือไม่ก็ได้) จากนั้นจะมีเลือดสดๆ
หยดออกมา ตามหลังจากอุจจาระ เลือดจะเป็นเลือดสดจริงๆ มักไม่มีมูกเลือดปน
2.มีก้อนออกมาระหว่างถ่ายอุจจาระ
ขณะที่เบ่งอุจจาระ จะมีก้อนยื่นออกมา หรือ มีก้อนออกมาตลอดเวลา ขึ้นกับ ระยะที่เป็น
3.เจ็บบริเวณ ทวารหนัก
ปกติ ริดสีดวงจะไม่เจ็บ จะเจ็บในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น เส้นเลือดอุดตัน(Thrombosis)
หรือ มีเนื้อเยื่อตาย(Necrosis)
ที่มา www.thaiclinic.com
|
โดย : นาง พรพิมล เอมโกษา, โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย, วันที่ 30 เมษายน 2545 |