11วิธีออกห่างจากหวัด .2545.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก : http://www.jorjae.com/content/4/201.html .
ทุกวันนี้ยังไม่ใครที่พบวิธีรักษาโรคหวัดได้ แค่เป็นการทำให้บรรเทา และทำให้ร่างกายของเรามีภูมิต่อต้านเท่านั้น ผมว่าคงจะอีกนาน กว่าที่จะมีการค้นพบยา หรือวัคซีนชนิดที่สามารถครอบคลุมเชื้อไวรัสถึง 200 ชนิดที่เป็นต้นเหตุของโรคหวัด ดังนั้นเรามีวิธีที่ลดโอกาสการ ติดเชื้อไวรัสหวัด และผ่อนหนักให้เป็นเบาด้วยเวลาติดเชื้อหวัด
1. อยู่ห่างผู้ที่มีอาการไอ หรือจากอย่างน้อย 1 เมตร เพราะว่าถ้าหากคุณโดนละอองฝอยในระยะประมาณนี้มาโดนบริเวณใบหน้า และถ้าคุณร่างกายเกิดอ่อนแอพอดี รับรองได้อีก 2-3 วันให้หลัง เวลาคุณตื่นนอนในตอนเช้าคุณอาจพบว่าคุณเป็นหวัดแล้ว
2. ล้างมือบ่อยๆเชื้อหวัดส่วนใหญ่สามารถติดต่อกันได้ด้วยการสัมผัสทางอ้อม เช่น คนเป็นหวัดเอามือไปจับจมูก เชื้อไวรัสหวัด จะติดมากับมือ จากนั้นก็ไปจับโน่น จับนี่ มือของเรา อาจจะไปสัมผัสกับสิ่งที่คนเป็นหวัดไปจับต้องได้ ดังนั้นเมื่อเราไปสัมผัสสิ่งเหล่านั้นแล้ว จับจมูก หรือขยี้ตา เชื้อก็สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย
3. หลีกเลี่ยงสถานที่อับลม ควรหลีกเลี่ยงที่อับ อากาศไม่ถ่ายเท เพราะหากมีใครเป็นหวัดเชื้อจะวนเวียนอยู่ภายใน ไม่สามารถระบายออก ได้เลย
4. ดื่มน้ำมากๆ น้ำจะช่วยชะล้างเชื้อโรค ออกจากร่างกาย ทั้งยังป้องกันอาการขาดน้ำซึ่งมักพบร่วมกับหวัด "การหายใจทางปาก, การสั่ง น้ำมูก และการทานยาลดน้ำมูก" จะทำให้ร่างกายเสียน้ำมากกว่าปกติ ดังนั้นทางที่ดีควรดื่มน้ำสะอาดวันละ 8 แก้วได้จะเป็นการดี
5. อย่าขยี้จมูก หรือตาบ่อย ผลจากการวิจัยปรากฎว่า คนทั่วไปจะแตะจมูก หรือตาประมาณชั่วโมงละ 3 ครั้ง หากต้องแตะจริงๆ ไม่ควรใช้ปลายนิ้ว ให้ใช้ข้อนิ้ว หรือหลังมือแทน เพราะว่าจะสะอาดกว่าปลายนิ้ว ที่ซึ่งเต็มไปด้วยเชื้อโรค
6. อย่าเอาแต่นอน การออกกำลังกายปานกลาง จะช่วยเพิ่มความต้านทานโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนได้ แต่ถ้าออกกำลังกาย อย่างหักโหมมากไปจะทำให้เกิดผลเสียได้นะ จากผลการวิจัย ถ้าออกกำลังกายอย่างหักโหมมากกว่าชั่วโมง จะทำให้ติดเชื้อหวัดได้ง่ายขึ้น
7. ฆ่าเชื้อที่อยู่ตามฟองน้ำครัวจะเป็นแหล่งที่แพร่เชื้อหวัดหลายชนิด แหล่งของเชื้ออีกอย่างที่สำคัญ คือ ฟองน้ำล้างจาน กับผ้าเช็ดจาน เพราะมีความอุ่น และชื้น ถ้าเป็นไปได้ นำฟองน้ำเหล่านั้นมาแช่น้ำร้อนซัก 2-3 ครั้งต่ออาทิตย์
8. รับประทานวิตามินอี และวิตามินซีเสริม เชื่อกันว่า วิตามินอี มีส่วนสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกัน แต่เนื่องจากไขมัน และน้ำมันเป็นแหล่งสำคัญของ วิตามินอี ส่วนวิตามินซี ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานยินยันว่า วิตามินซี ป้องกันหวัดได้จริง แต่ผลการศึกษาหลายครั้งแสดงว่า การรับประทานวิตามินซี อาจช่วยให้หายหวัดได้เร็วขึ้น และมีอาการน้อยลง แต่ไม่ควรรับประทานวิตามินซีเกินกว่า วันละ 500 มิลลิกรัม ถ้ามากกว่านี้อาจจะทำให้ไม่สบายท้องได้
9. ถ้าชอบเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อาจดื่มก่อนนอนซักแก้วจากการวิจัย ในหมู่ผู้ดื่มสุราเล็กน้อย จนถึงปานกลาง (วันละ 1-2 แก้ว) และไม่สูบบุหรี่ หากได้รับเชื้อไวรัสหวัด โอกาสที่จะติดเชื้อจนเป็นหวัด กลับน้อยกว่าคนที่ไม่ดื่มถึงร้อยละ 65 แอลกอฮอล์อาจจะไปยับยั้งการ แบ่งตัวของไวรัสในร่างกาย แต่ผู้หญิงมีครรภ์ หรือผู้มีปัญหาสุขภาพ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์จะดีกว่า
10. บรรเทาอาการไอใช้ยาแก้ไอช่วย หากไอแห้งไม่มีเสมหะ แต่ในกรณีที่ไอมีเสมหะ ยาขับเสมหะจะช่วยทำให้เสมหะจางลง และการ ไอจะสะดวกขึ้น
11. นอนหลับให้สนิทตลอดคืน การนอนหลับสนิทจะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีประสิทธิภาพขึ้น
|