ความรู้สึกแห่งสัมผัส


ในช่วงเวลาหลายๆครั้งที่ผ่านมา ปีนี้เป็นปีที่เป็นที่สุดหลายอย่าง หลายความรู้สึกสัมผัสกับใจฉัน ทั้งสุข เศร้า เหงา รัก แต่วันที่ฉันประทับใจที่สุดเห็นจะเป็นวันแม่ เพราะเป็นวันที่ฉันมีความสุขที่สุด รักที่สุด และเศร้าที่สุด เป็นวันแรกที่ฉันได้เห็นน้ำตาแม่ แต่ก็เป็นน้ำตาแห่งความรัก มิใช่สาเหตุอื่นใดและในวันนี้เองที่ทำให้ฉันนึกถึงชายคนหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นคนที่สำคัญแต่กลับไม่มีความสำคัญในความรู้สึกของฉันเลย ชายคนนั้นคือคนที่ฉันควรจะเรียกว่า "พ่อ" แต่ฉันกลับลืมไปว่าเขามีชีวิตอยู่ ในชีวิตฉันมีโอกาสได้พบเจอเขาไม่ถึง 5 ครั้ง แต่ละครั้งฉันไม่เคยสัมผัสกับความรู้สึกลึกซึ้งใดๆเลย ( รู้สึกขนลุกซู่ เมื่อโดนเขากอดครั้งแรกตอนอายุ 10 ขวบ ) มีเพียงสิ่งเดียวที่ฉันพอจะระลึกได้บ้างคือเขาเป็นชายที่หน้าตาดีทีเดียว
คำพูดที่ว่า ความรู้สึกถึงความเป็นพ่อลูกสามารถสัมผัสถึงกันได้ สำหรับฉันมันไม่เคยเกิดขึ้นเลย การไม่มีพ่อคอยเลี้ยงดูทำให้ชีวิตของฉันดำเนินไปอย่างช้าๆ ตัดสินใจอย่างช้าๆ ถูกบ้าง ผิดบ้าง ทำทุกอย่างไปด้วยความรู้สึกแห่งสัมผัสทั้งสิ้น รู้สึกว่าดีจึงทำ รู้สึกว่าเขาชอบจึงชอบเขา ( เพื่อน ) รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ดีจึงเลือกแต่งงาน รู้สึกว่า… รู้สึกว่า… นั่นคงเป็นเพราะฉันไม่มีพ่อคอยให้คำปรึกษาแนะนำ



หากจะถามว่า ผลจากการเป็นลูกสาวที่ขาดพ่อตั้งแต่ไม่ถึงขวบนั้นเป็นอย่างไร ฉันก็ตอบเป็นรูปธรรมอะไรมากไม่ได้ เพียงแต่สงสัยว่านิสัยขาดๆ เกินๆ จับจด ขาดสมาธินั้นมาจากไหน ถ้าในสมัยก่อนหมอคงวินิจฉัยว่าฉันเป็นโรคสมาธิสั้นจนแม่ฉันต้องพาไปทดสอบไอคิว นิสัยเหล่านี้เกิดจากการไม่มีพ่อดูแลใช่หรือไม่
ตลอดเวลาฉันพยายามคิดว่าชีวิตไม่เคยขาดอะไร ฉันมีทุกอย่างเท่าที่คนอื่นมีแต่ส่วนลึกๆแล้วฉันรู้สึกเคว้งคว้าง ว้าเหว่เหมือนกันแต่ต้องเข้มแข็งเข้าไว้เพราะไม่สามารถที่จะเรียกร้องมันได้ แถมพ่อยังคิดว่าฉันมีมากพอแล้วฉันไม่ต้องการอะไรอีก พ่อเข้าใจผิดอย่างไม่น่าให้อภัย ความอบอุ่นจากแม่ก็เพียงพอในระดับหนึ่ง แต่ที่ฉันต้องการคือความรักจากพ่อและแม่ จึงอยากให้พ่อแม่ทุกคนช่วยกันสร้างเด็กแต่ละคน เพราะการบังเอิญที่ต้องมีชีวิตอยู่บนโลกใบใหญ่นี้ มิใช่เรื่องง่ายเลย เราจำเป็นต้องแข่งขันกับคนอื่นตลอดเวลา แต่เมื่อแพ้โดยที่ไม่มีคนที่เข้าใจและคอยปลอบใจนั้นมันเจ็บปวดมากมายกว่าคนอื่นเป็นล้านเท่า
ทุกวันนี้อยากขอบคุณความรู้สึกดีๆที่แม่มีให้และกำลังใจที่ทำให้ฉันสมามรถยืนบนโลกใบนี้ได้โดยไม่มีพ่อ แม้สภาพจิตใจไม่แข็งแรงนักก็ตาม




โดย : นางสาว จิณดา เงินดี, โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย, วันที่ 13 พฤศจิกายน 2544