ครั้งหนึ่งยังมีหญิงหม้ายกับลูกสามคนปลูกบ้านอยู่ริมหนองน้ำใกล้ต้นไทรใหญ่ ลูกชายคนโตชื่อ "สิน" ลูกชายคนที่สองชื่อ "สอน" ส่วนคนสุดท้องเป็นหญิงชื่อ "สารภี" สามีของหญิงหม้ายได้ทิ้งมรดกไว้ให้มากพอสมควร แต่เนื่องจากนางชอบเล่นการพนัน ฐานะของครอบครัวจึงเริ่มฝืดเคืองและยากจนลงในเวลาต่อมา อีกทั้งมัวแต่ไปขลุกอยู่แต่ในบ่อนจึงไม่มีเวลาอบรมสั่งสอนลูก อยู่มาวันหนึ่งลูก ๆ ของหญิงหม้ายได้ออกไปเที่ยวเล่นกันนอกบ้าน และขโมยมะม่วงของชาวบ้านกิน อีกทั้งยังขนกลับมาไว้ที่บ้าน หญิงหม้ายเสียการพนันกลับมาเห็นมะม่วงก็ดีใจกล่าวชมเชยลูกที่รู้จักหากินไม่อดอยาก ฝ่ายลูก ๆเมื่อได้ยินดังนั้นจึงได้ใจเที่ยวลักเล็กขโมยน้อยข้าวของชาวบ้านเรื่อยมา ครั้นพอหญิงหม้ายพบเห็นก็ไม่ได้ว่ากล่าวตักเตือนอะไร เพราะเห็นว่าเป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ
แม้เมื่อมีชาวบ้านมาฟ้องก็กลับช่วยแก้ตัวแทนลูก ๆ ทุกครั้งไป เมื่อโตขึ้นลูกของหญิงหม้ายก็ยิ่งเหิมเกริมลักขโมยข้าวของมีค่าของชาวบ้านไปขายนำเงินมาใช้จ่ายกันอย่างฟุ่มเฟือย ครั้นตำรวจจับ หญิงหม้ายก็ไปทำทัณฑ์บนไว้ เมื่อประกันตัวลูกกลับมาบ้านแล้ว แทนที่จะว่ากล่าวตักเตือน กลับบอกว่าที่ถูกจับเพราะทำอะไรไม่รอบคอบ เด็กทั้งสามจึงเริ่มคิดหาทางหนีทีไล่จนรอดจากการถูกจับกุมและไม่ยอมทิ้งหลักฐานไว้ผูกมัดตัวในที่สุดวันหนึ่งก็กำเริบถึงกับคิดปล้นบ้านเศรษฐี เพื่อที่จะได้เงินทองมากกว่าการขโมยแต่ต้องถูกตำรวจใช้อาวุธปืนยิงจนถึงแก่ความตาย หญิงหม้ายทราบเรื่องก็มาดูเหตุการณ์ และได้รำพึงรำพันกับลูกด้วยความรัก บอกว่าลูกไม่น่าทำเช่นนี้เลย ทำไมถึงต้องเป็นโจรปล้นชิงทรัพย์โดยไม่ได้มองว่าเหตุที่ลูกต้องมาเป็นโจรเพราะการกระทำของใคร
สอนลูกให้เป็นโจร . 2545 . [Online] . เข้าถึงได้จาก www.thai.net/nitan/pooh/nitan.html
|