โรคภูมิแพ้ต่างกับโรคหวัด

โรคภูมิแพ้ต่างกับโรคหวัดอย่างไร. 2545. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก http://sci.chandra.ac.th/jsci/col2.html.
โรคภูมิแพ้ต่างจากโรคหวัด โรคที่ถือว่าเป็นโรคยอดนิยมก็คือ โรคหวัด ซึ่งในที่นี้เราจะมาลองเปรียบเทียบกันดูว่า โรคหวัดกับโรคภูมิแพ้( Allergic Rhinitis )หรือที่เรามักเรียกว่า โรคแพ้อากาศ นั้นมีข้อเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรเพื่อที่จะได้ปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะคนที่มีประวัติเป็นโรคภูมแพ้อยู่แล้ว

สาเหตุของโรค เริ่มกันที่สาเหตุของโรค เราพบว่า โรคภูมิแพ้นั้นมีสาเหตุมาจากการตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้มากกว่าคนปกติทั่วๆ ไป ของคนเป็นที่เป็นโรคนี้ สารก่อภูมิแพ้ที่เราพบว่าเป็นสาเหตุได้แก่ ไรฝุ่น ฝุ่น ละอองเกสรดอกไม้ ขนสัตว์เป็นต้นเมื่อคนที่เป็นโรคนี้ได้รับสารเหล่านี้เข้าไปก็จะทำให้เกิดอาการขึ้น ซึ่งต่างจากโรคหวัดที่เกิดได้กับคนทั่วๆไปได้ทุกคน โดยเกิดจากการที่ร่างกายมีการติดเชื้อไว้รัสที่ทำให้เกิดโรคหวัดซึ่งปัจจุบันพบประมาณ 200 กว่าชนิด แล้ว แสดงอาการของหวัดขึ้นมา ปกติคนทั่วไปอาจเป็นหวัดได้ปี ละ 1-2 ครั้ง แต่กรณีของคนที่เป็นโรคภูมิแพ้จะเกิดได้บ่อยกว่า โดยอาจเกิดอาการเป็นช่วงๆ ตามภาวะการถูกกระตุ้นจากสารก่อภูมิแพ้ที่ออกมาเป็นฤดูกาล เช่น เกสรดอกไม้ หรือบางคนจะมีอาการตลอดทั้งปี ในกรณีที่สารก่อภูมิแพ้เป็นพวกที่ต้องสัมผัสอยู่ตลอดเวลา เช่น ไรฝุ่น ที่มักพบในเครื่องนอนเครื่องใช้ในบ้าน เราพบว่าไรฝุ่นเป็นสาเหตุของการเกิดโรคภูมิแพ้ในคนไทยมากที่สุด ดังนั้นคนที่เป็นโรคนี้ การจัดการกับสภาพภายในที่อยู่อาศัยเป็นสิ่งสำคัญ
อาการ สำหรับอาการของโรคทั้ง 2 ชนิดนี้ มักจะมีอาการคล้ายๆกันคือ มีอาการจาม มีน้ำมูกไหล คัดจมูก เป็นอาการหลัก แต่จะมีข้อที่ต่างกันพอจะแยกโรคทั้ง2 ได้คือ โรคภูมิแพ้มักมีอาการคัดจมูกหรืออาจคัน
ตาร่วมด้วย ในขณะที่โรคหวัดมักจะไม่พบ โรคภูมิแพ้มักไม่มีอาการไข้และมักไม่พบการติดเชื้อแบคทีเรียยกเว้นคนที่มีอาการเรื้อรังติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ในขณะที่โรคหวัดมักจะมีอาการไข้ร่วมด้วย รวมไปถึงการติดเชื้อแบคทีเรียที่บริเวณต่อมทอลซิลซึ่งการติดเชื้อแบคทีเรียอาจใช้วิธีสังเกตจากลักษณะของเสมหะที่มีสีเจือปน เช่น สีเขียวสีเหลืองได้
ส่วนมากยารักษาตามอาการต่าง ๆที่พบ โดยยาต้านฮีสตามีน ( Antihistamine ) หรือยาแก้แพ้ มักเป็นยาที่ใช้ใช้บ่อยที่สุดเนื่องจากยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์ขัดขวางการทำงานของฮีสตามิน โดยแย่งสารฮีสตามีนในการจับกับตัวรับฮีสตามินทำให้ฮีสตามิน ไม่สามารถออกฤทธิ์ได้ จึงช่วยรักษาและป้องกันอาการต่าง ๆเช่น การจาม คันจมูก และน้ำมูกไหลได้ ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือก หลายชนิดตามความต้องการ การเลือกชนิดของยาต้านฮีสตามิน ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของผลข้างเคียงของยาแต่ละชนิดซึ่งจะต้องเลือกให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละลายโดยนำข้อดีข้อเสียมาพิจารณา ร่วมด้วยในการเลือกใช้ยา เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ป่วย ในการเลือกใช้ยาเหล่านี้ ผู้ป่วยสามารถขอคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรประจำร้านขายยาทั่ว ๆไปได้

การปฏิบัติตัวของผู้ป่วยในแง่ของการปฏิบัติตัวของผู้ป่วย สำหรับโรคภูมิแพ้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ให้สังเกตสาเหตุของอาการแพ้และพยายามหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายบ่อย ๆ การทำจิตใจให้แจ่มใสอยู่เสมอจะช่วยให้อาการของโรคดีขึ้น จนหายไปได้เอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรทำนอกเหนือจากการใช้ยาสำหรับคนที่เป็นหวัด ควรพักผ่อนมาก ๆ รักษาความอบอุ่นของร่างกาย งดอาบน้ำเย็น กรณีมีไข้ให้ดื่มน้ำอุ่นๆ เพื่อช่วยระบายความร้อนจากร่างกาย รับประทานอาหารอ่อนๆจะช่วยให้ร่างกายรู้สึกดีขึ้น นอกจากการรับประทานยารักษาตามอาการ



โดย : นางสาว malee pinkes, ripw klongluang patumtani 13180, วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2545