นกกาผู้อาภัพ ตอนที่ 1

เรื่อง นกกาผู้อาภัพ

ที่ขอบฟ้าสีแดงเหลืองก็จางหายไป ดวงตะวันก็โผล่ขึ้นสู่ท้องฟ้า อากาศที่เย็นสบายก็เริ่มมีความอบอุ่นขึ้น ดวงตะวันยิ่งลอยสูงขึ้นอากาศก็เริ่มจะมีความร้อนบ้าง แล้วเสียงไก่ป่า ไก่บ้านก็หายไป เสียงริ่งเรไร ที่ร้องรับกันเสียงระงมฟังแล้วพาวังเวงสงบเงียบ ใบไม้ก็จะสะบัดไหวบ้างเล็กน้อยเมื่อมีลมพัดมาเบาๆ ก้อนเมฆที่ลอยแข่งกันเมื่อสักครู่ก็หายไป คงทิ้งไว้แต่ความว่างเปล่าของท้องฟ้า มวลหมู่นกนาๆชนิดต่างโผผินบินเที่ยวหากิน ที่บินไปแต่ลำพังตัวเดียวและบินไปเป็นกลุ่มก็มี ฉันนั่งดูฝูงนกเหล่านั้น แล้วอดที่จะนึกนิทานเรื่องนกกาอาภัพไม่ได้ ผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่าต่อจากนกกากับนกยูงให้ฟังว่า
มีนกเหยี่ยวฝูงหนึ่งบินร่อนอยู่บนท้องฟ้า การบินลอนวนเวียนอยู่บนท้องฟ้าดังนั้น เพราะบินลอยเพื่อหาเหยื่อกิน เหยี่ยวชนิดนี้เขาตั้งชื่อว่า “ เหยี่ยวจั๊กแม้ ” เพราะมันร้อง จั๊กแม้ เหยี่ยวจั๊กแม้ที่ตัวและปีกสีนั้นเป็นสีแสด ที่คอไปหาหัวจะเป็นสีขาว ส่งเสียงร้องจั๊กแม้ นกชนิดนี้อาหารที่โปรดปรานมาก ก็คือ ลูกไก่ตัวเล็กๆ ที่ชาวบ้านเรียกว่า “ ลูกเจี๊ยบ ” นกเหยี่ยวจั๊กแม้มันจะบินล่อนวนเวียนอยู่บนท้องฟ้าในเมื่อมันเห็นแม่ไก่ออกมาหากินในที่แจ้งๆพาลูกมาด้วย มันจะบินวนเวียนอยู่เหนือยอดไม้ เมื่อมันแลเห็นลูกไก่ออกมาห่างแม่ไก่ มันจะพุ่งหัวลงมาเฉี่ยวทันที มันจะพุ่งตัวลงมาอย่างเร็วแทบจะมองเห็นไม่ทันแม้แต่แม่ไก่ก็ไม่สามารถจะช่วยลูกได้ มันจะกางอุ้มเล็บอันแสนคมลงตรงลูกไก่ลูกไก่ก็หลบไม่ทัน ความว่องไวของนกเหนี่ยวจะไม่มีนกอื่นเทียบได้ นกเหยี่ยวมีอยู่สี่ชนิด อย่างชนิดสีดำเทาๆ คือ ไม่ดำจนเกินไป การบินไปทางไหนจะบินไปเป็นกลุ่มๆ อาหารการกินก็เหมือนเหยี่ยวสีแสด ลำตัวเท่ากัน ชอบบินหาอาหารตามลลำคลอง หรือ หนองน้ำ เมื่อเห็นปลาลอยมาตามผิวน้ำมันจะพุ่งลงมาโฉบเฉี่ยวทันที หรือปลาตายลอยมามันก็จะโฉบกิน ลูกนกลูกไก่หรือหนูนามันจะจับกินทั้งนั้น เหยี่ยวอีกชนิดชาวบ้านเรียกว่า “ เหยี่ยวนกเขา ” นกเหยี่ยวชนิดนี้ตัวเล็กกว่านกเหยี่ยวสีดำและสีแสดากและบินได้เร็วมาก หนาตาดุร้าย จะงอยปากและอุ้งเล็บคมมาก ชอบสุ้มแอบอบู่ตามพุ่มไม้ทึบๆคอยดักจับนกเล็กกิน นกที่ตัวเล็กกว่ามัน เมื่อบินผ่านมามันจะใช้ความว่องไวของมันออกบินโฉบเอาเป็นอาหาร เมื่อมันบินผ่านไปทางไหน นกทั้งหลายไม่ว่าตัวใหญ่กว่ามันหรือเล็กกว่าจะต้องส่งเสียงร้องออกมา หรือไม่ก็ต้องบินหนีทันที จำพวกนกกะจอก นกกะจาบ นกกะจิบ พอได้ยินเสียงที่นกตัวใกญ่ๆร้องออกมาจะพากันบินหัวซุกหัวซุนรีบบินเข้าไปแอบตามพุ่มไม้ที่หนาทึบ เพราะความกลัวถึงเข้าไปซ่อนเช่นนั้น ก็ยังไม่ค่อยจะพ้น มันยังพุ่งตัวเข้าไปในพุ่มไม้แล้วไร่จับกินจนได้
นกเหยี่ยวนกเขานี้ ชาวบ้านต่างก็ขนานนามมันว่า มันเป็นเจ้านก เพราะนกทุกชนิดไม่ใหญ่หรือเล็ก เมื่อเห็นมันบินผ่านมาจะต้องร้องทักกันเกรียวไปหมด เหยี่ยวอีกชนิด ชาวบ้านเรียกว่า “ เหยี่ยวปักหลัก ” แต่บางคนก็เรียกว่า “ นกปักหลัก ” กลางวันมันจะบินล่อนไปตามท้องทุ่งคล้ายจะไม่สนใจอไรทั้งสิ้นบินไปเรื่อยๆแต่พอดวงตะวันไกลจะตกดิน มันจะบินล่อนไปตามคันนาใหญ่ๆที่ชาวนาทำไว้ เพื่อกันน้ำไหลลงที่ลุ่ม คันนาใหญ่นี้มักจะเป็นที่อาศัยของพวกหนูพุก หรือหนูนา เมื่อมันเห็นหนูวิ่งออกจากรูมามันจะบินเฉี่ยวไล่ตะคลุบเอามากิน หากไล่ตะครุบไม่ทัน มันจะหยุดลงยืนตรงปากรูที่หนูวิ่งหลบซ่อนเข้าไป แล้วมันจะกางปีกของมันกระพือลม เพื่อให้ลมเข้าไปในรูที่หนูวิ่งเข้าไป ในไม่ช้าหนูตัวนั้นจะเดินออกมาให้จับกิน แต่ดูแล้วก็อดนึกสงสารนกชนิดนี้ไม่ได้ คือ หากไม่มีหนูออกมาวิ่งมันจะกระพือปีกให้ตัวลอยอยู่ที่เดียว และกระพืออยู่นานๆถึงจะบินไปที่อื่น ชาวบ้านเรียกชื่อว่า “ เหยี่ยวปักหลัก ” นกเหยี่ยวทุกชนิดจะกินอาหารเหมือนๆกัน เช่น ปู – ปลา – หนู – ลูกนก – ลูกไก่ เป็นต้น ชาวบ้านมักเรียกนกพวกนี้ว่า อีเหยี่ยว อีกา อีรุ้ง
นกรุ้ง นั้นรูปร่างลักษณะเหมือนนกเหยี่ยว แต่ละตัวจะใหญ่กว่านกเหยี่ยว ชอบแอบอยู่ตามพุ่มไม้ทึบๆคอยหลบซ่อนตัวกลัวนกกาจะเห็น เพราะนกกาเห็นนกรุ้งไม่ได้มันจะบินเข้าจิกตี เอาดื้อๆ นกกาพอเห็นนกรุ้งบินหนีเข้าพุ่มไม้ มันจะส่งเสียงร้องกา ๆ สักประเดี๋ยว พวกนกกามันจะพากันมาและบินวนเวียนล้อมรอบพุ่มไม้ที่นกรุ้งหลบซ่อนตัวอยู่ นกรุ้งบินออกมาจากพุ่มไม้เมื่อไร มันจะพากันบินไล่จิกตีเป็นพัลวัน
ผู้เฒ่าบอกว่านกกามีเรื่องเล่าต่อๆกันว่าครั้งหนึ่งคงจะนานมาแล้ว ในยามเช้าสายๆหน่อย นกเหยี่ยวฝูงหนึ่งได้ไปบินวนเวียนอยู่เหนือหมู่บ้านแห่งหนึ่ง แต่ในฝูงนกเหยี่ยวที่บินลอยวนเวียนอยู่นั้นได้มีนกรุ้งตัวหนึ่งบินปะปนไปกับฝูงนกเหยี่ยว ชาวบ้านเห็นนกเหยี่ยวมาบินวนเวียนอยู่นั้นก็กลัวนกเหยี่ยวจะบินล่อนลงมาเฉี่ยวลูกไก่ของตนไปกิน จึงเอากระสุนออกมายิงไปยังฝูงนกเหยี่ยวนั้น (ที่เรียกกระสุนนั้นเป็นชื่อเรียก กระสุนชาวบ้านเขาจะเอาไม้ไผ่มาผ่าซีกทำเป็นซีกแล้วเหลาด้วยมีดมีคม การเหลาก็เหลาให้ปลายเรียวทั้งสองข้างปลายสุดก็หยักให้เป็นรอยแหว่ง เพื่อทำเอาไว้คล้องสาย สายกระสุนเขาทำด้วย หวายหรือไม้ไผ่ เหลาทำให้เล็กและกลม สายกระสุนจะเป็นเส้นคู่กัน ทำเป็นหูเพื่อไว้คล้องคันกระสุนตรงกลาง เขาจะใช้หวายถักเป็นรูปสี่เหลี่ยมเพื่อไว้ลองรับลูกกระสุน ลูกกระสุน เขาเอาดินเหนียวมาปั้นเป็นลูกกลมๆแล้วตามแดดให้แห้ง) ลูกกระสุนที่ชาวบ้านยิงขึ้นมานั้นบังเอิญได้ตรงเข้าไปหานกรุ้ง นกรุ้งจึงบินหลบเอาหัวพุ่งขึ้นบนฟ้า ลูกกระสุนก็พุ่งไปถูกนกรุ้งพอดี ลูกกระสุนก็เลยคาตูดนกรุ้ง นกรุ้งได้รับความเจํบปวดเป็นอย่างมากด้วยความเจํบและความตกใจเป็นอย่างยิ่งรีบบินหนีออกมาจาฝูงนกเหยี่ยวอย่างเร็ว แล้วบินไปแบในพุ่มไม้ค่อยใช้จะงอยปากแกะลูกกระสุน แกะเท่าไรๆลูกกระสุนไม่ยอมออกจากตูด ยิ่งแกะอยู่นานเท่าไรความเจ็บปวดมากทวีขึ้นและแล้วก็บินออกจากุกุ่มไม้นั้น ขณะที่ล่อนอยู่นั้นพบนกกาเหว่าตัวหนึ่งกำลังนอนฟักไข่อยู่ นกรุ้งจึงร้องบอกให้นกกาเหว่าช่วยเหลือเอาลูกกระสุนออกจาตูดให้ นกกาเหว่าจึงบอกให้นกรุ้งเข้ามาใกล้ๆเพื่อขอดู เมื่อนกรุ้งเข้าไปใกล้ก็เอาตูดให้นกกาเหว่าดู นกกาเหว่าดูแล้วว่าช่วยได้ก็ดีใจเป้นอย่างมากจึงบอกกับนกกาเหว่าว่าจะขอเป็นเพื่อนที่ดีและจะขอรับใช้นกกาเหว่าทุกอย่างหากว่านกกาเหว่าเรียกใช้จะไม่คิดหลบหนีเป็นอันขาด นกกาเหว่าจึงพูดกับนกรุ้งว่าเท่าที่นกรุ้งพูดมานั้นก็เห็นดีด้วย แต่จะพูดตกลงกันเฉพาะเราสองตัวนั้นก็จะดูกระไรอยู่ อยากให้มีพยานมาฟังและรู้เห็นเป็นพยานให้เราทั้งสองได้เล่า นกกาเหว่าทำเป็นตรึกตรองอยู่สักประเดี๋ยว จึงบอกว่ามีนกกาเท่านั้นพอจะไว้ใจเชื่อถือได้ เพราะนกกาเป็นนกที่ซื่อตรงต่อเวลามาก นกรุ้งได้ฟังก็เห็นดีด้วยแล้วก็บินไปหานกกา และเล่าเรื่องทั้งหมดให้นกกาฟังและขอร้องให้นกกาช่ววยเป็นพยานให้ด้วย

ติดตามต่อในตอนที่ 2

โดย นายสะอาด มีกุล



โดย : นางสาว Laddawan Meegul, คลองหลวง ปทุมธานี 13180, วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2545