นกแร้ง ตอนที่ 2

นกแร้ง ตอนที่ 2

นกแร้งเมื่อกินเนื้อความตายอิ่มแล้ว ต่างก็ออกมายืนกางปีกผึ่งแดดผึ่งลมกันเป็นกลุ่มๆ ส่วนมากนกแร้งหัวแดงจะออกไปยืนผึ่งผายอยู่ตัวเดียวจะไม่เข้าไปรวบกลุ่มกับนกแร้งสีเทา ฝ่ายนกกาก็บินวนเวียนเล่น บางตัวบินเข้าไปในพุ่มไม้ หวังพักผ่อน มีนกตัวหนึ่งบินไปจะเกาะที่ต้นมะขามแต่แล้วต้องบินผละออกมาอย่างรวดเร็วและส่งเสียงร้องลั่นบินวกไปวนมาที่เป็นเช่นั้นก็เพราะ นกกาบินเข้าไปพบนกกาแวนเข้า นกกาแวนจึงขับตีเอา เพราะนกกาแวนมีความโกรธเคืองนกกามาก เพราะนกกาคอยแต่จะบินเข้าขโมยไข่นกกาแวนกิน ฉะนั้นในเมื่อนกกาแวนเห็นนกกาเข้าจึงช่วยกันรุมจิกตีนกกา นกกานี้มีใจเป็นนักกีฬาเหมือนกัน เมื่อรู้ว่าตนทำผิดก็ยอมรับผิด ไม่โต้ตอบต่อสู้นกกาแวน ถึงแม้ว่านกกาแวนนั้นตัวจะเล็กกว่านกกาก็ตาม เมื่อรู้ตัวว่าผิดก็ไม่คิดต่อสู้ ผิดกับสัตว์มนุษย์มากนัก สัตว์มนุษย์นั้นผิดแล้วไม่ยอมรับผิด มักบิดเบือนใช้เหล่เหลี่ยมกลโกงหลอกลวงว่าตนดี คิดอาฆาตมาดร้าย จ้องทำลายล้างเมื่อผู้อื่นจ้องทำลายล้างเมื่อผู้อื่นเผลอแล้วมาคุยโม้โอ้อวดว่าตนเฉลียวฉลาด นกกาแวนนั้นตัวเล็กกว่านกกามาก ตัวจะเท่ากับนกปาลอดสวน ขนนั้นจะดำเหมือนนกกา
นกกาแวนมีอยู่สองชนิด คือ อีกชนิดหนึ่งเขาเรียกว่า นกกาแวนหางบ่วง นกกาแวนธรรมดาจะมีหางยาวประมาณห้านิ้วฟุต ตอนปลายของจะแผ่บานเหมือนหางปลาตะเพียน แลดูสวยงามเหมือนกัน ส่วนนกกาแวนหางม่วงนั้น ที่ปลายหางจะมีขนเป็นบ่วงยาวออกไปสองขนปลายจะเป็นบ่วงดูสวยงามขึ้นไปอีก
นกกาแวนหางบ่วงนี้ไม่มีนิสัยดุร้ายเลยชอบบินเล่น และส่งเสียงร้องคล้ายจะร้องเพลงดังนั้นแหล เป็นนกที่ดูแล้วว่าเป็นนกที่มีความรื่นเริงมาก นกกาแวนหางบ่วง นี้มีไม่มากนักยังไม่รู้ที่อยู่จริงของนกชนิดนี้ จะเห็นบ้างบางครั้งบางคราว นกกาแวนทั้งสองชนิดนี้อาหารหลัก คือ ชอบกินตัวแมลง นกกาแวนหางบ่วงเท่าที่พบเห็นมักบินอยู่ตัวเดียว เกาะส่งเสียงร้องอยู่ตามกิ่งไม้ ในเมื่อมันได้ยินเสียงอะไรร้อง มันก็จะทำเสียงร้องเหมือนสัตว์นั้น เช่น นกกา กาเหว่า แมว หมา บรรยายไม่หมด เสียงแมวนั้นมันก็ร้องได้เหมือนมาก เสียหมาก็ร้องได้ แต่เสียจะเบากว่าหมาตัวจริง เสียงมนุษย์ก็เรียนเสียงได้แต่ไม่ชัดนัก เขาเล่าว่ากาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วว่า มีสัตว์มนุษย์ตนหนึ่งเห็นนกแวนหางบ่วง พูดได้ร้องได้หลายภาษาของสัตว์ จึงสนใจและจับเอาไปเลี้ยงไว้ที่พักของตน แล้วสอนหัดให้พูดภาษาของตน นกกาแวนก็พูดได้ชัดเจนและคล่องแคล่วจึงเป็นที่รักและพอใจของเจ้าของเป็นอย่างมาก เจ้าของเที่ยวหาอาหารมาให้กินไม่ให้อดยาก
อยู่มาวันหนึ่งมนุษย์ที่เลี้ยงนกกาแวนไว้ ได้เดินทางไปในที่ที่แห่งหนึ่งไปพบความตัวหนึ่งเดินวนเวียนกินหญ้าอยู่ที่ชายป่า ก็จับความนั้นมาหวังจะเอามาฆ่าเพื่อจะเอาเนื้อไว้กิน แล้วเอาความตัวนั้นไปผูกยังชายป่าซึ่งไกลจากที่พักของตน แล้วกลับมาที่พักของตน แล้วเล่าให้ผู้เป็นเมียฟังว่า ตนได้จับควายมาผูกไว้ที่ชายป่าแห่งโน้นและผู้เป็นเมียให้ไปช่วยกันชำแหละเนื้อควาย ทั้งสองผัวเมียต่างก็ลงไปจากที่พัก ระหว่างที่พูดคุยกันนั้น เจ้านกแวนหางบ่วงได้ยินทุกคำพูดของสองผัวเมีย เมื่อสองผัวเมียลงจากที่พักไปได้สักครู่ ก็มีมนุษย์ผู้ชาย 4-5 คนได้มาร้องเรียกเจ้าของที่พัก มนุษย์ทั้งหมดนั้น คือ เจ้าของควาย นกกาแวนหางบ่วงเมื่อได้เสียงร้องเรียก เช่นนั้นก็บอกว่า “ไม่อยู่” ชายทั้งหมดก็เข้าไปในบ้านก็ไม่เห็นคนเห็นมีแต่นกกาแวน ซึ่งขังอยู่ในกรง จึงร้องถามว่า “เจ้าใช่หรือไม่ร้องตอบเรา เมื่อกี้นี้” นกกาแวนจึงตอบว่า “ใช่แล้วเราพูดเอง” ชายที่มาก็ถามว่า “เจ้าของของเจ้าไปไหน” นกกาแวนจึงตอบว่า “เขาไปฆ่าความที่ชายป่าโน่น” ชายที่มาถามว่า “ไปนานแล้วหรือยัง” นกกาแวนตอบว่า “ไปเมื่อกี้นี้” ชายทั้งหมดก็รีบเดินไปยังชายป่าตามที่นกกาแวนบอก พอไปถึงที่ที่นั้นก็เห็นสองผัวเมียกำลังจะทำการฆ่าความของตน จึงร้องตะโกนเสียงดังว่า “มึงขโมยควายกูมา กูจะฆ่ามึงเสียเดียวนี้” ว่าแล้วทั้งหมดพากันวิ่งกรูเข้าไป สองผัวเมียเมื่อได้ยินและเห็นดังนั้นก็พากันวิ่งหนีเข้าป่าทึบไป ชายทั้งหมดเมื่อได้ควายคืนแล้วก็พากันจูงควายกลับบ้าน แต่ยังแค้นสองผัวเมียเข้าใจว่าสองผัวเมียเป็นคนขโมยไปขโมยความของตนมา เมื่อจูงความผ่านมาทางที่พักของสองผัวเมียจึงแวะเข้าไปรื้อสิ่งของ ของสองผัวเมียกระจัดกระจายไปหมด นกกาแวนเมื่อเห็นสิ่งของถูกรื้อดังนั้นก็ร้อง “ช่วยด้วยๆลั่นไปหมด เพราะตกใจมากกว่ากลัวเขาจะมาฆ่าตัว ทั้งหมดเมื่อรื้อกระจัดกระจายหมดแล้วก็จูงควายพากันเดินไป”

โดย นายสะอาด มีกุล


โดย : นางสาว Laddawan Meegul, คลองหลวง ปทุมธานี 13180, วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2545