ครู อาจารย์ทุกท่านคงปฏิเสธไมได้ว่าไม่เคยพบปัญหาการลอกการบ้านหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Plagiarism ดิฉันไม่ได้จบคุรุศาสตร์ สอนภาษาอังกฤษก็จบเอกอังกฤษมา ไม่ทราบว่าครูที่เขาจบเอกคุรุศาสตร์เขาแก้ไขปัญหานี้กันอย่างไร แต่ดิฉันได้เคยเรียนวิชาเกี่ยวกับการสื่อสาร อาจารย์ที่สอนท่านแนะวิธีแก้ปัญหานี้จากการใช้วิธีสื่อสาร บทความนี้จึงขอนำเสนอทักษะในการแก้ปัญหาดังนี้ค่ะ
การรับรู้ปัญหาแต่ละปัญหานั้นมี 3 ขั้น คือ
1. ขั้นรู้ปัญหา คือทราบว่ามีปัญหา แต่ไม่สนใจที่จะแก้ไข ไม่ได้สนใจลึกซึ้ง คิดวาเป็นเรื่องธรรมดาทั่วๆไป ไม่ต้องสนใจเพราะไม่ได้เกิดขึ้นตัวเอง พูดได้อีกอย่างคือรู้ว่ามีปัญหาแต่ไม่ตระหนักถึงความร้ยแรงของปัญหา เช่นการลอกการบ้านนี้ มันเป้นสิ่งที่นักเรียนไทยเชื่อว่า "ใครๆเขาก็ทำกัน" เราเห็นเสื้อ กระเป๋า รองเท้าที่ลอกตรามาจากของเบรนด์เนม แต่ขายราคาถูกกันเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง สมัยเรียนเพื่อนส่วนใหญ่ก้ลอกกรบ้านกัน ใครทำมาเองอาจจะถูกล้อว่าเป็นเด็กเรียน และถูกกดกันไม่ให้เข้ากลุ่ม เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเราซึ่งดิฉันคิดว่าคนไทยส่วนใหญ่เป็นอย่างนี้ คือรู้ว่ามีปัญหา แต่ไม่ตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหา
2. ขั้นตระหนักถึงปัญหา ขั้นนี้คือขั้นที่ผู้รับสารตระหนักถึงความสำคัญหรือความร้ายแรงของปัญหา เด็กรู้ว่าการลอกการบ้านทำให้เขาไม่ได้ใช้ความคิดขอตัวเองในการเรียน เด็กพลาดโอกาศในการฝึกทักษะซึ่งจะเกิดผลเสียกับเขาเอง นอกจากนี้มันอาจเกิดเป็นนิสัยทีจะทำให้เขาคิดจะลอกงานอื่นๆต่อไป ประเทศเราก็ไม่ได้พัฒนาไปอย่างเต็มที่เพราะมีแต่ปัญญาชนที่คิดจะ ลอกแต่งานของคนอื่น"
3. ขั้นหาทางแก้ปัญหา ขั้นนี้คือขั้นที่ผู้รับสารตระหนักถึงความสำคัญจนคิดหาวิธีแก้ปัญหา เมื่อมาถึงขั้นนี้นักเรียนจะไม่ลอกการบ้านอีกต่อไปเพราะเขาตระหนักถึงความสำคัญของมัน แต่เราจะทำให้เด็กมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร เป้นคำถามและเป็นหน้าที่สำหรับครูไทยทุกคน เพราะหน้าที่ของเราคือแก้ไขข้อบกพร่องของลูกศิษย์
ในการรับส่งข้อมูลต่างๆนั้นเราต้องพิจารณาถึงสภาพแวดล้อมต่างๆด้วย ท่านเคยคิดไหมคะว่าทำไมงาน หรือสินค้า copy จึงเกิดจากคนเอเชียมากกว่าฝรั่ง เหตุผลก็คือในสังคมเขานั้นการลอกเลียนแบบเป็นความผิดร้ายแรง เขามีบท มาตรการที่ใช้ลงโทษ คนที่คิดจะทำจะโดนประณาม จึงมีคนทำไม่มาก มันไม่ใช่เรื่องทั่วๆไปหรือความผิดเล็กๆน้อยๆอย่างที่คนไทยทำกัน ซึ่งนี่คือปัญหาในการส่งสาร
วิธีแก้ที่ดิฉันอยากจะเสนอในที่นี้นอกจากขั้นตอนในการส่งารให้นักเรียนรู้ถึงปัญหาซึ่งจะนำไปใช้กับปัญหาอื่นๆอีกได้ อีกวิธีคือการสร้าง self-esteem ในตัวเด็ก self-esteem คือการเคารพนับถือตนเอง นักเรียนมีความเชื่อว่าเขามีความสามารถในการทำงานใดๆ เมื่อมีความคิดดังกล่าวแล้ว การลอกการบ้านก็จะไม่เกิดขึ้นเพราะเขาเชื่อว่าตัวเขาเองทำได้ ขั้นตอนในการสร้าง self-esteem คือ
มันไม่ใช่เรื่องเล็กการลอกการบ้านเป็นself-esteem |