ในตำรายาสมุนไพรพื้นบ้านของชาวอเมริกัน มีการใช้แครอทเป็นยาครอบจักรวาล เช่น แก้โรคประสาท โรคผิวหนัง หอบหืด เป็นต้น นอกจากนี้ในแครอทนั้นมีเบต้า-แคโรทีนอยู่มาก หากไม่ชอบแครอทหรือแครอทมีราคาแพง ก็อาจรับประทานผักที่มีสีเหลือง หรือเขียวเข้มแทนได้ ซึ่งมีการค้นคว้าวิจัยพบว่าเบต้า-แคโรทีนนั้นสามารถป้องกัน และยับยั้งการเกิดมะเร็งในระยะต่างๆได้ โดยเฉพาะการให้รับประทานเบต้า-แคโรทีนในปริมาณมากพร้องกับการฉายรังสี รวมทั้งยังมีงานวิจัยยืนยันว่ามีโรทีนอีกหลายชนิดที่ทำหน้าที่ยับยั้งมะเร็งปอด และช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอดได้ดีถึง 2-3 เท่า โดยเฉพาะในคนที่ไม่ได้สูบบุหรี่ แต่ต้องสัมผัสกับควันบุหรี่อย่างสม่ำเสมอ และยังมีการวิจัยต่อไปว่า ผู้ที่เลิกสูบบุหรี่แล้วได้รับสารแคโรทีนต่ำ มีโอกาสเป็นมะเร็งที่กล่องเสียงสูงถึงห้าเท่าครึ่งของผู้ที่ได้รับประทานผักและผลไม้ที่มีแคโรทีนและวิตามินเอสูง แต่เบต้าแคโรทีนไม่มีฤทธิ์ในการป้องกันมะเร็ง สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าการรับประทานผักและผลไม้ที่มีเบต้า-แคโรทีนมากจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งที่ปอดลงถึงครึ่งหนึ่งก็ตาม

มีการวิจัยในทางการแพทย์พบว่าแครอทสามารถขับปรอทที่สะสมอยู่ในร่างกายออกมาได้ โดยสารที่มีลักษณะคล้ายกาวในหัวแครอทจะเข้าไปรวมตัวกับปรอท ทำให้ความเข้มข้นของปริมาณในกระแสเลือดลดลงได้ อย่างไรก็ตามการรับประทานแครอทมากเกินไป อาจทำให้เกิดผิวหนังเหลืองได้ แต่ตาขาวจะไม่เหลือง ซึ่งแตกต่างจากการเป็นโรคดีซ่านเพียงแต่หยุดรับประทานอาการผิวเหลืองก็จะหายไป โดยที่อาการผิวเหลืองแบบนี้ไม่มีผลต่อสุขภาพแต่อย่างใด