ทุกข์ของปลาฉลาม |
|
คนไทยคงคุ้นกับชื่อเสียงของเจ้าปลาฉลามจากภาพยนตร์เรื่องจอว์ส ส่วนบรรดาอาตี๋ อาหมวยก็คงคุ้นเคยกับปลาฉลามจากอาหารระดับฮ่องเต้คือ หูฉลามซึ่งทำจากครีบของมัน
แม้ว่าปลาฉลามจะเป็นสัตว์ที่โหดร้าย น่าเกลียดน่ากลัว แต่ดูเหมือนคนทั่วโลกจะมีความรู้สึกทั้งรักทั้งชังมันจะดูเหมือนยิ่งเกลียดกลัวก็ยิ่งรักที่จะกินด้วย เพราะฉลามได้กลายเป็นอาหารจานเด็ดของทั่วโลกไปแล้ว
เมื่อประมาณ 50 ปีก่อน ปลาฉลามหนูถูกล่าอย่างหนักในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา เพราะความต้องการวิตามินเอซึ่งมีมากที่สุดในตับของปลาฉลาม
ความต้องการวิตามินเอ ทำให้ปลาฉลามถูกจับปีละไม่ตำกว่า 56 ล้านตัน จนกระทั่งเมื่อมนุษย์สามารถผลิตวิตามินเอสังเคราะห์ได้แล้วนั่นละ ความต้องการน้ำมันตับปลาจึงลดลง
|
|
แต่เจ้าปลาฉลามก็ยังไม่หมดกรรม เพราะเมื่อคนเลิกกินตับปลาหันมากินเนื้อมันแทน ทำให้ในปัจจุบันการจับปลาฉลามทั่วโลกมีปริมาณมากถึงปีละ 300 ล้านตัน
นักล่าปลาฉลามบางคนก็ไม่ได้ล่าเอาเนื้อ แต่ตัดเฉพาะครีบของมันแล้วโยนเนื้อทิ้งไปก็มี แต่เชื่อหรือไม่ว่า ครีบปลาฉลามที่นำมาทำเป็นหูฉลามนั้นเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางอาหารต่ำที่สุด แต่ก็มีราคาแพงที่สุดเช่นกัน
ส่วนสาเหตุที่คนนิยมกินกันมากแม้ว่าราคาจะแพง อาจเป็นเพราะความยากเย็นของการตัดครีบออกจากตัวปลา เนื่องจากปลาฉลามเป็นสัตว์ที่ไม่มีท่อขับถ่าย มันจึงขับของเสียออกทางผิวหนัง หากการตัดครีบและการแช่แข็งไม่ดีพอแล้ว แอมโมเนียที่ขับออกจากผิวหนังอาจทำให้เนื้อปลาส่งกลิ่นเหม็น นำมาทำอาหารไม่ได้
|
|
|
ที่ฮ่องกง ประเทศที่เป็นศูนย์กลางหูฉลาม มีการนำเข้าหูฉลามทั้งในรูปของสด ของแห้ง และแบบซุปหูฉลามกระป๋องสูงถึงปีละ 3 ล้านตัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นนักกินหูฉลามตัวฉกาจ ในขณะที่ฝรั่งก็เป็นนักกินเนื้อปลาฉลามเช่นกัน
ถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะยังไม่สูญพันธุ์ เพราะฉลามตัวเมียเป็นสาวเร็วและมีลูกมาก แต่ในอนาคตก็ไม่แน่ เพราะเดี๋ยวนี้เศรษฐีใหม่มีมากมาย เห็นชอบกินหูฉลามอยู่ตามเหลากันเยอะแยะ แล้วอย่างนี้จะเหลือฉลามให้เราเห็นอยู่อีกนานสักเพียงไรกันนี่
ข้อมูล : นางสาวศศิอนงค์ อินทนา โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย
|
โดย : นางสาว ศศิอนงค์ อินทนา, โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย, วันที่ 7 พฤศจิกายน 2544
|