แมว

                                   ความเป็นมาของแมว

 

          อดีตกาลในประเทศอียิปต์ วันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิได้มีงานฉลองเทพเจ้าแมวที่ชื่อว่าพาชต์ เป็นเทศกาลใหญ่กระทำกันในโบสถ์ ซึ่งมีรูปปั้นหินขนาดใหญ่ของเทพเจ้าแมวอยู่ เทพเจ้ามีร่างกายเป็นสตรีเพศ แต่มีศีรษะเป็นแมว ได้มีพิธีเซ่นสรวงด้วยเนื้อสัตว์ น้ำผึ้งและผลไม้ มีสาวงามประดับศีรษะด้วยดอกไม้ ออกมาร้องเพลงร่ายรำถวายเทพเจ้าเป็นการสนุกสนาน มีคนไปร่วมงานถึงเจ็ดแสนคน

      ในนิยายของอียิปต์โบราณเล่าว่าพาชต์หรือจันทราเทพี ซึ่งคนพื้นเมืองก็เรียกว่าแมว เป็นมเหสีของรา (Ra) หรือสุริยเทพ ตอนกลางคืนราต้องไปซ่อนตัวอยู่ยมโลก พาชต์เก็บแสงอาทิตย์ไว้ใในดวงตา และช่วยส่องให้ราเดินทางไปโดยสะดวก ในการเดินทางแต่ละครั้ง ราต้องต่อสู้กับงูใหญ่ที่เข้ามาขวางทาง รามักจะจำแลงร่างเป็นแมวในการต่อสู้กับงู ถ้าสู้ชนะก็จะนำแสงสว่างกลับไปสู่โลกได้ในวันร่งขึ้น ส่วนงูก็ถูกทำร้ายถึงเลือดตกยางออก แต่พอวันรุ่งขึ้นก็กลับหายสนิท และต่อสู้กับราอีกไม่มีที่สิ้นสุด ถ้างูใหญ่มีชัยก็จะะไม่มีแสงสว่างในวันร่งขึ้น นั่นคือการเกิดสุริยคราส ผู้คนจะช่วยกันส่งเสียงตะโกนเต็มที่ เพื่อให้งูใหญ่ตกใจและปล่อยรา แล้วแสงอาทิตย์ก็จะคืนมาสู่โลกอีกครั้งหนึ่ง กล่าวกันว่า พาชต์ก็เคยแปลงตัวเป็นแมวเช่นเดียวกัน ชาวอียิปต์โบราณจึงเชื่อว่าแมวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เป็นเทพเจ้าจำแลง

       กฎหมายอียิปต์โบราณห้ามนำแมวออกนอกประเทศและถ้าใครพบแมวในต่างประเทศจะต้องนำกลับมาบ้านด้วยนอกจากนี้ผู้ใดฆ่าแมวไม่ได้ ถ้าแมวตาย คนในครอบครัวจะต้องไว้ทุกข์โกนคิ้ว และเอาซากแมวไปทำมัมมี่เพื่อเก็บรักษาไว่ ในครอบครัวที่มั่งคั่ง มัมมี่แมวจะห่อด้วยผ้าลินินสองสีและทำลวดลายสวยงาม หีบใส่มัมมี่ทำด้วยบรอนซ์ประดับเพชรพลอย และนำไปฝังไว้ในสุสานใกล้โบสถ์ของพาชต์ ณเมืองบูบาสติสในปัจจุบันมัมมี่แมวบางตัวยังคงเก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑสถานของอียิปต์ที่เมืองไคโร และที่พิพิธภัณฑสถานของอังกฤษในกรุงลอนดอน

       ดังนั้นการเลี้ยงแมวของอียิปต์นับว่าได้กระทำมาตั้งแต่โบราณกาล เพราะนอกจากรูปปั้นแมว มัมมี่แมวแล้ว ยังมีภาพเขียนผนังเกี่ยวกับแมวไว้เป็นประจักษ์พยานอีกด้วย อียิปต์เป็นชาติแรกที่ฝึกแมว ซึ่งเดิมเป็นสัตว์ป่าให้เชื่องและเลี้ยงไว้ในบ้านแพื่อให้ช่วยจับหนูอีกด้วย

       ครั้นแล้วแมวอียิปต์ได้ถูกพาลงเรือสินค้าแล่นไปในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อให้ช่วยจับหนูในเรือ บางทีก็ติดไปในเรือของพวกโฟนีเชียนที่จอดทอดสมออยู่ในอียิปต์เมื่อเรือจอดแมวอาจถือโอกาสเดินขึ้นจากเรือเพื่อเหยียดขาแข้ง หรือาจแวะชมสิ่งที่น่าสนใจเพลิดเพลินจนลืมลงเรือ แมวจึงแพร่พันธุ์ไปในประเทศต่างๆทั่วโลก                             สำหรับแมวในประเทศไทยนั้น ไม่มีผู้ใดทราบว่ามีความเป็นมาอย่างไร ต้นตระกูลแมวไทยจะเป็นแมวที่ติดมากับเรือสินค้าจากอียิปต์หรือไม่ ก็ยังไม่มีใครทราบแน่ชัด ในหนังสือเรื่องแมวไทยที่ชาวต่างประเทศเขียนไว้กล่าวว่า แมวไทยนั้นเดิมอย฿่ในวัดสำหรับเฝ้าขโมย ครั้นต่อมาเลี้ยงกันเฉพาะในราชสำนัก เจ้านายเท่านั้นที่เป็นเจ้าของแมวได้ เรื่องนี้จะ้ป็นความจริงหรือไม่ยังไม่มีผู้ใดยืนยันได้ แต่สิ่งที่ยืนยันได้คือประเทศไทยในอดีตมีชื่อเสียงเลื่องลือ เป็นที่รู้จักของชาวต่างประเทศอยู่ 2 อย่างคือ ฝาแฝดไทยักับแมวไทย สำหรับฝาแฝดไทยตัวติดกันนั้น แพทย์สามารถผ่าตัดออกจากกันได้สำเร็จแล้ว จึงไม่ใคร่น่าทึ่งอีกต่อไป ส่วนแมวไทยยังคงรักษาชื่อเสียงของประเทศไว้ได้ เพราะแมวไทยเป็นที่นิยมทั่วโลก

 



แหล่งอ้างอิง : หนังสือชุดความรู้ไทยขององค์การค้าของคุรุสภาเรื่องแมวไทย

โดย : เด็กชาย ศุภโชค เล่งน้อย, ร.ร.นวมินทราชูทิศ ทักษิณ, วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2547