![](10000-12289/rj.png) |
คลิกเพื่อเพิ่มข้อความ |
สนประดับ สนเป็นพืชอีกกลุ่มหนึ่งที่นิยมปลูกประดับและใช้จัดสวนหย่อม ในต่างประเทศรู้จักกันในชื่อ Conifer หรือ Evergreen Tree เพราะเป็นต้นไม้ที่มีใบเขียวสดตลอดปี แม้ในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมในขณะที่พืชอื่นๆทิ้งใบหมด ดังนั้นต้นสนหรือกิ่งสนจึงถูกนำมาประดับตกแต่งในช่วงเทศกาลคริสต์มาส และเรียกกันว่า ต้นคริสต์มาส หรือ Christmas Tree นั่นเอง แต่ในยุโรปมีสนขึ้นอยู่มากมายหลายสกุล ชาวยุโรปจึงเรียกชื่อสนแตกต่างกันออกไป เช่น Pine , Fir , Cypress , Yew เป็นต้น สนเป็นพืชโบราณที่เริ่มเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 300 ล้านปีมาแล้วจัดเป็นพืชพวก Gymnosperms ซึ่งมีความหมายว่า " พืชเมล็ดเปลือย " (naked - seed) คือไม่มีสิ่งห่อหุ้มไข่ เมื่อเจริญเป็นเมล็ดจึงไม่มีเนื้อผลหรือส่วนที่ห่อหุ้มเมล็ด เป็นลักษณะเด่นชัดที่ต่างจากพวกพืชมีดอก (Angio - sperms) ที่เกิดขึ้นภายหลัง ยกเว้นสนบางชนิดในสกุล Juniperus ที่พัฒนาส่วนสืบพันธุ์ให้มีเนื้อนุ่มแบบผลไม้ (berey) ทั้งนี้อาจเป็นกลไกในการดึงดูดให้สัตว์ต่างๆ มากิน และช่วยแพร่กระจายพันธุ์ต่อไป การปลูกและดูแลรักษา ในธรรมชาติสนจะกระจายพันธุ์อยู่ในเขตซีกโลกเหนือ ส่วนใหญ่อยู่ในเขตหนาวและอบอุ่น สนจึงชอบอากาศเย็นมากกว่าร้อนและแห้งแล้งสนประดับมีการปลูกและพัฒนาพันธุ์มานาน บางชนิดจึงปรับตัวให้เจริญเติบโตในเขตร้อนได้ โดยทั่วไปสนเป็นพืชที่แข็งแรงและต้องการการดูแลรักษาน้อยมาก หากมีสภาพที่เหมาะสม คือได้รับแสงแดดเต็มวันดินหรือวัสดุปลูกมีธาตุอาหารพอเพียงและระบายน้ำได้ดี ไม่ขังแฉะเพียงเท่านี้สนจะเจริญได้ตามปกติและมีพุ่มสวยงามโดยไม่ต้องตัดแต่งไม่ว่าจะปลูกลงดินหรือในกระถาง สนประดับโดยทั่วไปไม่ค่อยมีแมลงรบกวน นอกจากเพลี้ยแป้งที่อาจจะมากับมดบางชนิดที่จะมาไต่ตามช่อดอก ทำให้ช่อดอกแห้งเป็นสีน้ำตาลและอาจไม่ติดเมล็ด โรคที่เกิดกับสนมาก คือ ใบเน่าและแห้ง เกิดจากเชื้อราบางชนิดในฤดูฝน โดยเฉพาะในเขตที่มีแสงน้อย ทำให้ความชื้นอากาศสูงเป็นเวลานานหลายเดือน ใบสนจึงเน่าและแห้งเป็นสีน้ำตาลเมื่อถึงฤดูหนาวอีกสาเหตุหนึ่งอาจอาจเกิดจากแสงแดดจัดในฤดูร้อน แต่ได้รับน้ำไม่พอเพียงทำให้ใบสนแห้งและร่วง ส่วนโรครากเน่าเกิดจากดินปลูกระบายน้ำไม่ดี มีน้ำขังแฉะ ซึ่งอาจทำให้สนตายทั้งต้นได้ ที่มา : คู่มือคนรักต้นไม้ สนประดับ |
|