ในระยะนี้อัตรากำลังของสำนักวิทยบริการเพิ่มข้นค่อนข้างมาก งบประมาณของสำนักวิทยบริการก็เพิ่มมากขึ้นด้วย
การปรับเปลี่ยนจากระบบมือเป็นระบบอัตโนมัติ ในปี พ.ศ.2529 สำนักวิทยบริกรได้เข้าร่วมเครือข่ายห้องสมุดมหาวิทยลัยส่วนภูมิภาค หรือเรียกย่อ ๆ ว่า PULINET ซึ่งตามโครงการนี้ ห้องสมุดในเครือข่ายได้รับจัดสรรงบประมาณเพื่อซื้อระบบห้องสมุดอัตโนมัติ ซึ่งสำนักวิทยบริการได้จัดซื้อระบบห้องสมุดอัตโนมัติ ของบริษัท INNOVATIVE เหมือนกับสมาชิกเครือข่ายส่วนใหญ่ซึ่งรายนี้มีระบบการทำงาน (Module) 5 ระบบ คือ ระบบกาจัดหา (Acquisition Module) ระบบการวิเคราะห์หมวดหมู่และทำรายการ (Cataloging Module) ระบบยืมคืน (Circulation Module) ระบบสืบค้น (Opac Module) และระบบงานวารสาร (Serial Module)
การจะมีระบบนี้ได้หน่วยงานต้องมีระบบ Interner รองรับและเป็นความโชคดีของสำนักวิทยบริการที่ช่วงนั้น สำนักวิทยบริการได้เข้าร่วมโครงการไทยสาร (Thaisarn) ของ NECTEC ทำให้ได้ระบบ Internet มาใช้ การเข้าสู่ระบบอัตโนมัตินี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการบริหารจัดการสารสนเทศ การบริหารสารสนเทศ ตลอดจนการบริหารบุคลากร ของสำนักวิทยบริการครั้งสำคัญ และัเป็นการเปลี่ยนที่ส่งผลให้สำนักวิทยบริการสามารถพัฒนาไปสู่ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ หรือห้องสมุดดิจิตอลในปัจจุบันทำให้สำนักวิทยบริการสามารถให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผู้ใช้สามารถเข้าใช้สารสนเทศในระบบโดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่
ประการต่อมา คือ การทำงานในรูปแบบความร่วมมือหรือเครือข่ายห้องสมุด ด้วข้อจำัดในเรื่องของทรัพยาร และด้วยความเจริญ้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทำให้องค์กรไมสามารถงนตัวคนเดียวได้การทำงานแบบเครือข่ายความร่วมมือจึงเป็นสิ่่งจำเป็น สำนัวิทยบริการมีเครือข่ายความร่วมมือกับ ห้องสมุดมหาวิทยลัยส่วนภูมิภาค (PULINET) มานาน นอกจากนี้ ยังมีเครือข่ายความร่วมมือระหว่างห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษา (Thailis) การทำงานแบบเครือข่ายความร่วมมือ ทำใให้สำนักวิทยบริารพัฒนไปพร้อม ๆ กับห้องสมุดสถาบันอุดมศึกษาทั้งที่อยู่ในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และเมื่อไม่นานมานี้ สำนักวิทยบริการได้ร่วมือกับสำนักหอสมุดมหาวิทยลัยเชียงใหม่และสำนับรรณสรและสื่อารศึกษามหาวิทยลัยเทคโนโลยีสุรนารี ไดรวมกันจัดชื่อหนังสืออิเล็ทรอนิกส์ หรือ E-book ในลักษณะภาคีความร่วมมือ (Consortium) ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับบริารสรสนเทสและเป็นการใช้ทรัพยารสรสนเทศที่คุ้มค่าขึ้น
ประการสุดท้าย การที่มหวิทยลัยมหาสารคามได้รับการยกฐานะเป็นมหาวิทยาลลัยเอกเทศทำให้ารขยายตัวของมหาวิทยาลัยเป็นไปอย่างรวดเร็ว มหาวิยลัยมหาสารคามมุ่งสู่การเป็นมหาวิทยาลัยสมบูรณ์แบบ (Comprehensive) มากขึ้น โดยเฉพาะมีารขยายสขาวิชาต่าง ๆ มากมาย
กลาวโดยสรุป ถึงแม้จะมีควมเปลียนแปลงมากมยเกิดขึ้น แตสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนก็คือ การทำงานของชวสำนักวิทยบริารที่มุ่งทำงานเพื่องาน และการเป็นนำ้าหนึ่งใจเดียวัน สิ่งที่ท้าทายของสำนัวิทยบริารอยู่ข้างหน้า คือ การเป็นห้อสมุดที่มีชีวิต เป็นแหล่งกาเรียนรู้ของมวลมนุษย์อย่างแท้จริง
|