เหตุการณ์รอบโลก

คลิกสองครั้งเพื่อเพิ่มภาพตัดปะ
คลิกเพื่อเพิ่มข้อความ
นักเรียนแลกเปลี่ยนแฉถูกต้มอีก หลอก 4หมื่นไปสหรัฐ


เหยื่อทุนแอลเอฟเอสโผล่อีก แจ้นร้องสื่อแฉสมาคมหากินกับเด็ก อ้างเคยถูกหลอกให้เซ็นสัญญาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนไปอเมริกา สุดท้ายคว้าน้ำเหลว แถมยังสูญเงินอีก 4 หมื่นบาท วอน ศธ.เร่งตรวจสอบและสั่งปิดโดยเร็ว หวั่นเด็กตกเป็นเหยื่อเพิ่มมากขึ้น

กรณีที่เกิดปัญหากับนักเรียนไทยหลายคนตามโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในต่างแดน โดยทางบริษัทหรือสมาคมที่ทำหน้าที่ติดต่อประสานงานส่งเด็กนักเรียนไปพักอยู่กับครอบครัวที่มีปัญหา โดยเฉพาะกรณีของ น.ส.ศรัญญา คูณนิล หรือ น้องปุ้ย ซึ่งเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนของทุนแอลเอฟเอส ได้ไปพักอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ในสหรัฐอเมริกา แต่แล้วกลับถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว ลิดรอนสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล ไม่ให้ติดต่อกับใคร แม้แต่ทางโทรศัพท์ และยังถูกดุด่าว่ากล่าวหยามเหยียดความเป็นไทยให้อับอายขายหน้า ซึ่งโครงการดังกล่าวมี น.ส.เมตตา ด่านสวัสดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการการศึกษาและฝึกอบรม สมาคมส่งเสริมการศึกษานักเรียนทุนแอลเอฟเอส เป็นผู้ดูแล

ล่าสุด วันที่ 20 ก.ย. ได้มีเด็กนักเรียนซึ่งเคยสมัครเข้าโครงการของทุนแอลเอฟเอส ออกมาเปิดเผยเรื่องราวที่เคยถูกสมาคมดังกล่าวหลอก น.ส.เอ(นามสมมติ) อายุ 23 ปี ปัจจุบันเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะภาษาอังกฤษธุรกิจ สถาบันราชภัฏสวนสุนันทา เปิดเผยว่า เคยตกเป็นเหยื่อของโครงการทุนแอลเอฟเอสมาก่อน เมื่อครั้งที่ยังเรียนอยู่ชั้น ม.4 โรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย จ.มุกดาหาร

น.ส.เอเล่าว่า ขณะนั้นได้เดินทางมาที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อสมัครเข้าโครงการทุนแอลเอฟเอส โดยได้เสียเงินเป็นค่าลงทะเบียน 10,000 บาท ซึ่งน.ส.เมตตา ชี้แจงว่าเป็นค่าสอนภาษาอังกฤษ

"เขาพยายามใช้คำพูดที่หว่านล้อม ประกอบกับหนูต้องการไปเรียนต่างประเทศ ก็จึงยอมจ่ายเงินให้ จากนั้นก็สอบเข้าโครงการติด 1 ใน 20 คน และช่วงนั้นก็ยังเข้ามาช่วยงานในโครงการ ต่อมาอาจารย์เมตตาก็บอกให้หนูนำเงินมาให้อีก ประมาณ 190,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายติดต่อครอบครัวโฮสต์ในต่างประเทศ ก็ต่อรองลดให้เหลือ 130,000 บาท โดยจ่ายให้เป็นงวด พอจะทำวีซ่า หนูก็ต้องเสียเงินอีก ซึ่งตอนแรกเขาไม่บอกมาก่อนเลย" น.ส.เอกล่าวและเล่าต่อว่า

เมื่อเธอเดินทางไปยื่นขอวีซ่าปรากฏว่าไม่ผ่าน น.ส.เมตตา ได้คืนเงินที่จ่ายไปแล้วให้กับเพื่อน 2 คน ที่ขอวีซ่าพร้อมกัน โดยหักเป็นค่าเดินเรื่องทำหนังสือ ค่าทำธุระ ทำเอกสารคนละ 15,000 บาท แต่เธอกลับไม่ได้เงินคืน ซึ่ง น.ส.เมตตาอ้างว่าจะช่วยส่งให้ไปเรียนที่นิวซีแลนด์แทน และพยายามเกลี้ยกล่อมให้ช่วยทำงานต่อ เพื่อยื่นวีซ่าอีกเป็นครั้งที่ 2 แต่แล้วก็ถูกปฏิเสธอีกครั้ง

"ที่วีซ่าหนูไม่ผ่านรอบที่ 2 เพราะอาจารย์เมตตาพาไปทำที่เดิม ซึ่งเคยมีประวัติครั้งแรกไว้แล้ว คิดว่าถ้าต้องการจะช่วยเหลือจริงๆ น่าจะเตือนให้เตรียมเอกสารให้พร้อมและหาช่องทางช่วยมากกว่านี้" เหยื่อคนเดิมกล่าว

น.ส.เอกล่าวต่อว่า เมื่อรู้ว่าไม่ได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ จึงคิดว่าถูกหลอกแน่ ก็ได้ไปติดต่อขอเงินคืน แต่กลับถูกเล่นแง่ว่าในเอกสารสัญญาระบุให้คืนเงินเพียง 80,000 บาทเท่านั้น ทั้งนี้ถือตามสัญญาภาษาอังกฤษที่ น.ส.เมตตา ร่างขึ้นเอง

"พ่อแม่และหนูไม่เก่งภาษาอังกฤษ จึงแปลไม่ค่อยออก ยอมรับว่าตอนนั้นอยากไปเรียนต่อต่างประเทศมาก จึงฟังแต่อาจารย์เมตตาแปลให้และได้เซ็นไป เขาจะไม่ยอมคืนเงินให้ พอหนูทวงมากๆ ก็คืนให้อีก 10,000 บาท เงินที่เหลืออีก 40,000 บาท หายวับไปกับตา ซึ่งเป็นบทเรียนที่หนูไม่เคยลืม" น.ส.เอกล่าวและเพื่มเติมว่า

ระหว่างที่ช่วยทำงานอยู่ที่สมาคม พบว่าสมาคมนี้มีคนทำงานเพียง 2 คน คือ น.ส.เมตตา และสามี และพบว่ามีผู้ปกครองหลายรายที่ตกเป็นเหยื่อของสมาคมนี้จำนวนมาก

"ที่ออกมาเปิดเผยพฤติกรรมการทำงานของสมาคม ก็เพราะไม่อยากให้นักเรียนไทยที่ต้องการไปเรียนต่อต่างประเทศถูกสมาคมนี้หลอกอีก อยากให้กระทรวงศึกษาธิการเข้ามาช่วยตรวจสอบโครงการทุนแอลเอฟเอสด้วย และขอให้ปิดไปเลย เพื่อที่เด็กนักเรียนคนอื่นจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่ออีก" น.ส.เอกล่าว

ขณะที่นายไก่ (นามสมมติ) ได้โทรศัพท์ร้องเรียนมายัง "คม ชัด ลึก" เปิดเผยพฤติกรรมของสมาคมนี้เช่นกัน โดยนายไก่ กล่าวว่า ได้เคยเข้าร่วมกับโครงการทุนแอลเอฟเอส และกลับมาจากต่างประเทศเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา แต่ก่อนจะไปต้องไปเข้าค่ายที่ จ.อุบลราชธานี โดยครั้งนั้นได้จ่ายเงินกว่า 20,000 บาท ซึ่ง น.ส.เมตตาอ้างว่าเป็นเงินค่าเข้าค่าย 1 เดือน เพื่อเตรียมตัวก่อนเดินทางไปเรียนต่อ

"ตอนนั้นพาไปอยู่ที่กันดารนอกเมือง เวลาไปก็โดยสารรถสองแถวไป นอนก็เบียดกัน อาหารก็ไม่ดี พ่อผมไปเจอในค่ายยังตกใจ ไม่เหมือนที่คิดไว้เลย คนที่เขาให้มาสอนภาษาอังกฤษก็ไม่เหมือนอาจารย์ที่มีประสบการณ์การสอนมาก่อน ผมว่าโครงการนี้เอาแต่กำไร หากินกับเด็ก เห็นแก่ได้มากไป" นายไก่ กล่าว


โดย : เด็กหญิง กาญจนา เนื่อจำนงค์, โรงเรียนพนัสพิทยาคาร, วันที่ 22 กันยายน 2546