บทละคร.ลิเก
|
![]() คลิกสองครั้งเพื่อเพิ่มภาพตัดปะ |
คลิกเพื่อเพิ่มข้อความ |
บทละคร.ลิเก คำว่าลิเกมีที่มาจากคำว่า ดจิเก ซึ่งเป็นภาษามลายูพื้นถิ่นแถบ 4 จังหวัด หมายถึงมหรสพชนิดหนึ่งอันมีกำเนิดดั้งเดิมมาจากพิธีสวดบูชาพระอัลลาห์ของชาวมุสลิมนิกายเซน ลิเกเข้ามาสู่สังคมไทยตั้งแต่เมื่อใดนั้น ยังสันนิษฐานไปหลายทิศทาง บ้างกล่าวว่าลิเกเข้ามายังเมืองไทยโดยชาวมุสลิมที่เข้ามารับราชการเป็นนักเทศขันที ในราชสำนักอยุธยา หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ให้ความเห็นถึง ดจิเก เอาไว้ว่า อาจเข้ามายังเมืองไทยโดยชาวมุสลิมจากเปอร์เซียอันเป็นต้นตระกูลบุนนาคในปัจจุบันในขณะที่พระครูศรีมหาโพธิคณารักษ์ กล่าวว่า ชาวมุสลิมชิอิทจากเปอร์เซียนำการสวดที่เรียกว่า ดิกร เข้ามาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ยังมีบางข้อสันนิษฐานกล่าวว่า ลิเกนั้นมากับชาวไทยมุสลิมในภาคใต้ และคำว่า ยี่เก ซึ่งเป็นชื่อแรกเริ่มก่อนจะมาเรียกว่า ลิเก ในภายหลังนั้น ยังคงนิยมใช้อยู่ในภาษาพูดของชาวไทยมุสลิมมาจนถึงปัจจุบัน คำว่า ยี่เก ก็น่าจะมาจากดจิเกอันเป็นคำในภาษามาเลย์ถิ่นที่ชาวไทยมุสลิมในจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล มากกว่าจะมาจากคำว่า ดิกิร ในภาษาถิ่นในอินโดนีเซีย หรือ ดชิกืร อันเป็นภาษาอาหรับในตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน หากก็ทำให้พอเห็นค่าได้ว่า ดจิเก หรือการสวดบูชาพระอัลลาห์น่าจะเข้ามายังเมืองไทย ตั้งแต่สมัยอยุธยา และเข้ามาเป็นระลอกตามการอพยพของชาวมุสลิมนิกายชิอิท หรือแขกเจ้าเซนจากเปอร์เซีย ลิเกเพิ่งเริ่มมามีบันทึกปรากฏเป็นหลักฐานที่เก่าที่สุดในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยชาวไทยมุสลิมในกรุงเทพ ร่วมกันแสดงลิเกถวายหน้าพระที่นั่ง เนื่องในงานพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์พระบรมราชเทวี ( พระนางเรือล่ม ) ลิเกสมัยนั้นยังเป็นการแสดงเชิงศาสนาอิสลามประกอบดนตรี เพื่อความเป็นสิริมงคล การแสดงประกอบไปด้วยคนตีรำมะนาหลายคน พร้อมด้วยเครื่องประกอบจังหวะ นั่งล้อมกันเป็นวง ปากก็ร้องเพลงเป็นภาษามลายู ในเวลาต่อมา การเล่นลิเกจึงพลิกแพลงการแสดงจนห่างออกจากสาระทางศาสนา เข้าหาการบันเทิงยิ่งขึ้น มีทั้งการพัฒนาดัดแปลงไปเป็นทำนองอย่างละคร มีทั้งการเพิ่มบทตลกคะนอง ปรับการแสดงให้รวดเร็วทันใจคนดู และแต่งตัวสวยหรูสะดุดตาผู้ชม จนกระทั้งลิเกเกิดการพัฒนาเป็นสองสายในที่สุดสาขา1 เรียกว่า ฮันดาเลาะ อันเป็นต้นทางให้เกิดการแสดงลิเก และอีกสาขา 1เรียกว่า ละกูยา ซึ้งพัฒนาต่อมากลายเป็นการแสดงลำตัด ลิเกในปัจจุบันยังคงมีการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณะของการแสดงอย่างไม่หยุดยั้ง โดยนำการแสดงอันเป็นที่นิยมของแต่ละยุคมาดัดแปลงให้เข้ากับรูปแบบการแสดงของเดิม ดังจะเห็นได้จากการที่ลิเกได้นำเพลงลูกทุ่งมาปรับใช้ในการแสดงของตน นอกจากนั้นเมื่อลิเกไปแพร่หลายอยู่ในถิ่นฐานใด ก็ได้นำเอาศิลปะการแสดงซึ่งเป็นที่นิยมในท้องถิ่นนั้นมาผสมผสานกันจนกลายรูปแตกยอดออกไปดังเช่น หมอลำหมู่ หรือลิเกลาวในอีสาน และลิเกเขมรบริเวณแถบอีสานใต้ |
|
แหล่งอ้างอิง : หนังสือชุดภูมิแผ่นไทย บริษัทไทยประกันชีวิต เล่ม 8
|
|
โดย : เด็กหญิง สุภาวดี เงินแย้ม, ร.ร. เมืองชุมพรบ้านเขาถล่ม, วันที่ 22 กันยายน 2546
|