ชื่อพื้นเมือง : หางจรเข้ (ภาคกลาง) ว่านไฟไหม้ (ภาคเหนือ)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aloe Vera Linn
ลักษณะพฤกษศาสตร์ : ว่านหางจรเข้เป็นพืชล้มลุก ส่วนของลำต้นสั้น เห็นแต่ใบที่อวบน้ำ หนา รูปร่างยาว
ปลายใบเรียวแหลม เรียงสลับซ้อนกันอยู่ ที่ขอบใบมีหนามเล็กๆ ผิวใบสีเขียวสด และมีรอยกระสีเขียว
ภายมีวุ้นใสๆ สีเขียวอ่อน ใต้ผิวใบมีน้ำยางสีเหลือง ดอกออกเป็นช่อตรงกลาง ก้านช่อดอกยาวมาก
ชุตั้งตรง ดอกย่อมีลักษณะเป็นหยอด ห้อยลงปลายแยก มีสีส้มแดงออกสีเหลืองเล็กน้อย บานจากล่าง-
ขึ้นบน ผลเป็นผลแห้งแตกได้
การปลูก : ว่านหางจรเข้เป็นพืชที่ปลูกได้ในดินทั่วๆ ไป ที่มีการระบายน้ำได้ดี และอุ้มน้ำได้ดี
พอสมควร เป็นไม้ที่ปลูกง่าย เพียงใช้หน่ออ่อนๆ ที่แยกมาจากแม่พันธุ์ มาปลูกลงดินหรือในกระถาง
เมื่อปลูกใหม่ควรได้รับรำไร และรดน้ำทุกวัน ก็จะเจริญเติบได้ดี
ประโยชน์ทางยา : ส่วนที่ใช้เป็นยา ใบสด ทั้งต้น ราก ช่วงเวลาเก็บ อายุ ๖
๑๒ เดือน ก็ใช้ได้
รสและสรรพคุณในตำรายาไทย : ใบ รสเย็น ตำผสมสุรา พอกฝี วุ้น ล้างด้วยน้ำสะอาด
ฝานบางๆ ทาที่แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ดับพิษร้อน ทาผิวป้องกันและรักษาอาการ
ไฟไหม้จากแสงแดด หรือรังสี ทาผิวรักษาสิวฝ้าและขจัดรอยแผลเป็น
ทั้งต้น รสเย็นเอียน ดองสุราดื่ม ขับน้ำคาวปลา
ราก รสขมขื่น รับประทานถ่ายโรคหนองใน
ประโยชน์ : ว่านหางจรเข้เป็นไม้ที่มีความแปลกตา ทั้งยังมีคุณประโยชน์มาก จึงน่าจะมี
ปลูกไว้ในบ้านเป็นไม้ประดับ
แห่ลงอ้างอิง จากหนังสือพืชสมุนไพรกับวัฒนธรรม ตอนที่ 2 ไม้ริมรั้ว สถาบันแพทย์แผนไทย
กรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุข