นั้นนับเป็นสิ่งน่ากลัวควบคู่กับท้องทะเลมาแต่ไหนแต่ไร บางคนถึงขนาดขนาน นามมันว่าเป็นเครื่องจักร แห่งการทำลายล้างใต้ท้องทะเลเลยทีเดียว คงเพราะฉลามนั้น นับเป็นนักล่าที่น่าเกรงขาม ด้วยรูปทรงที่สง่างาม ดังจรวดในสายน้ำเป็นส่วนใหญ่ มีประสาทรับรู้แม้กลิ่นคาวเลือดที่อยู่ไกล ทั้งยังมีประสาทรับคลื่นจากกระแสน้ำ ซึ่งสามารถรับรู้อาการว่ายน้ำของเหยื่อที่อยู่ในอาการบาดเจ็บนอกจากนั้นยังมี ฟันลักษณะเขี้ยวแหลมคม เรียงแถว จำนวนมากมายซ้อนกันอยู่ ซึ่งพร้อมจะดันขึ้นมา ทดแทนเมื่อฟันแถวหน้าหลุดร่วงไป อีกทั้งบริเวณคมของฟันแต่ ละซี่ของมันยังมีลักษณะเป็นฟันเลื่อยเล็ก ๆ เพื่อการตัดบด ฉีกสิ่งที่กัดได้อย่างมีประสิทธิภาพทุกรูปแบบ นอกจาก นี้ขากรรไกรของฉลามยังมีแรงงับที่มหาศาล โดยเฉพาะฉลามขาว ( Great white shark ) ขนาดโตเต็มที่นั้น มีแรงกดของการงับถึง 60 กิโลกรัม ต่อฟันหนึ่งซี่ เมื่อฟันทั้งปากรวมกันก็คงเป็นแรงงับที่มีน้ำหนักเป็นตันทีเดียว
แต่ฉลามนั้นก็ใช่เป็นเจ้าตัวร้ายไปเสียหมด เพราะในบรรดาญาติพี่น้องที่จัดอยู่ในกลุ่มฉลามราว 300 กว่าชนิดนั้น มีฉลามที่อาจจะเป็นอันตรายต่อมนุษย์เพียงราว 20 ชนิดเท่านั้น และไม่ใช่ว่าเจ้าฉลามที่อาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ เหล่านี้จะคอยดักจ้องทำร้ายมนุษย์ที่ลงไปในทะเล เพราะฉลามเหล่านี้กินปลาเล็กกว่าตัวเอง และสัตว์ทะเลอื่นๆเป็นอาหารหลัก คนเรานั้นไม่ใช่อาหารของฉลาม และยังมีขนาดตัวใหญ่กว่า หรือเท่าๆฉลามดังนั้นเมื่อเจอกันฉลามจะ หนีไม่ยอมให้เข้าใกล้เป็นส่วนใหญ ่ นอกจากเจ้าฉลามดุ ๆ 3 พันธุ์ คือ ฉลามขาว ( Great white shark ) ฉลามเสือ (Tiger shark) และฉลามวัว (Bull shark) ซึ่งมีขนาดใหญ่ และโตเต็มที่จะมีขนาดใหญ่กว่าคน ในทะเล ไทยเรามีรายงานการพบเฉพาะฉลามเสือเท่านั้น ซึ่งก็หาดูได้ยากมากในปัจจุบัน และก็ไม่เคยมีข่าวใครเคยถูกฉลาม เสือทำร้ายเลยแม้แต่ครั้งเดียวในท้องทะเลไทย
มันเป็นเรื่องแปลกที่คนอยู่ไกลทะเลนั้นยิ่งกลัวฉลามมากกว่าคนทะเล หรือนักดำน้ำ เพราะยิ่งไกลน้ำยิ่งได้รับแต่ข่าว ความร้ายกาจของฉลาม ในขณะที่คนใกล้ชิดและเคยพบเห็นฉลามบ่อยๆ กลับรู้สึกว่าฉลามก็เป็นเพื่อนร่วมโลก ร่วม ท้องทะเลที่มีวงจรชีวิตของตน ล่าเพื่อเป็นอาหาร เพื่อความอยู่รอดดำรงเผ่าพันธุ์ ไม่เคยล่า หรือทำร้ายใครเพราะ
ความหมั่นไส้ ไม่ชอบหน้า หรือเพื่อความมันสะใจในอารมณ์เหมือนมนุษย์ และฉลามยังเป็นปลาที่สง่างามแห่งท้อง
ทะเลไทย