ยา
ประวัติการแพ้ยา อาหาร หรือผลข้างเคียงของยาที่ท่านเคยประสบ มีประโยชน์ในการเลือกยาที่เหมาะสม
ถ้าท่านกำลังอยู่ในช่วงของการควบคุมอาหารเพื่อรักษาโรคบางอย่าง เช่น กำลังจำกัดเกลือ, น้ำตาล, หรือ แอลกอฮอล์ ยาหลายอย่างอยู่ในรูปของเกลือโซเดียม หรือยาน้ำส่วนใหญ่มักมีแอลกอฮอล์ หรือน้ำตาลอยู่ด้วย
ถ้าท่านตั้งครรภ์ หรือมีความต้องการจะตั้งครรภ์

 

มียามากมายมีผลต่อการเจริญเติบโตของเด็ก และยาบางชนิดเช่นยาแก้สิวบางตัว มีฤทธิ์สะสมอีกนานหลังจากเลิกทานและยังคงมีผลเสียถ้าเกิดการตั้งครรภ์ภายใน 3 เดือนหลังจากหยุดยา
ถ้าท่านให้นมบุตร ยาส่วนใหญ่ถูกขับออกทางน้ำนมด้วย
ยาทุกชนิดที่ท่านกำลังใช้อยู่ในขณะนั้นรวมทั้งผลิตภัณฑ์อาหารเสริมทุกชนิด การรับประทานยาหลายชนิดปนกัน สามารถมีผลกันและกัน ซึ่งเป็นไปได้ว่า อาจจะเพิ่มผลการรักษา เพิ่มพิษของยา ลดการรักษา เพิ่มผลข้างเคียง
โรคประจำตัวที่ท่านเป็นอยู่ ยาเกือบทุกชนิดมีข้อห้ามใช้ แม้แต่ยาง่าย เช่น ยาลดไข้แก้ปวดพาราเซตามอล ห้ามใช้ในผู้ป่วยโรคตับ หรือ ยาแก้หวัดดีคอลเจน หรือทิฟฟี่ห้ามใช้กับผู้ป่วยโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคตับ ธัยรอยด์ เบาหวาน เป็นต้น

การเก็บยา

  • เก็บให้ห่างมือเด็ก
  • ควรเก็บยาในภาชนะบรรจุเดิม
  • เก็บให้ห่างจากความร้อน และแสงแดด
  • ไม่ควรเก็บยาในห้องน้ำ และที่ชื้นอื่นๆ
  • ควรนำสำลีที่ยัดมาในขวดยาออกทิ้งไป เนื่องจากสำลีเป็นตัวดึงความชื้นเข้าสู่ขวดยาได้
  • ไม่ควรแช่ยาในช่องแช่แข็ง
  • ไม่ควรเก็บยาในตู้เย็น นอกจากยาที่จำเป็นเช่น ยาแก้อักเสบที่ต้องผสมน้ำก่อนใช้
  • ไม่ควรเก็บยาในรถยนต์
  • ควรทิ้งยาที่หมดอายุแล้วทันที
  • ในการทิ้งยา ต้องแน่ใจว่ายาได้ถูกทิ้งอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันเด็กไปรื้อค้นมาเล่น

การใช้ยาเพื่อให้ได้ผลเต็มประสิทธิภาพ และหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ

  • รับประทานยาหรือใช้ยาตามที่กำหนด ไม่ทานเพิ่มหรือลดขนาดยาเอง ยาบางชนิดมีพิษมาก การเพิ่มยาเองเพียงเล็กน้อย อาจทำให้เกิดผลเสียบางอย่างที่รุนแรง เช่น ยาโรคหัวใจดิจิตาลิส ยาขยายหลอดลมธีโอฟิลลิน เป็นต้น
  • ใช้ยาให้ถูกเวลา ไม่ถี่หรือห่างกันเกินไปในแต่ละมื้อ ถ้าท่านมีกิจวัตรประจำวัน หรือมีวิธีการดำเนินชีวิตที่ผิดแปลกไป ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร เช่น ยาที่ระบุว่าให้ทาน 4 ครั้งต่อวัน หลังอาหาร แต่ท่านทานอาหารวันละ 2 มื้อ ท่านจะต้องทำอย่างไร ? หรือถ้าท่านต้องทำงานเป็นกะ ท่านจะต้องทำอย่างไร ?
  • ยาบางชนิดไม่ต้องทานต่อเนื่องกัน หยุดยาได้เมื่ออาการหาย หรือยาบางชนิดต้องรับประทานติดต่อกันระยะเวลาหนึ่ง หรือ บางชนิดต้องรับประทานไปตลอดชีวิต
  • ท่านไม่ควรเก็บยาหลายชนิดไว้ในภาชนะเดียวกัน เพราะอาจเกิดความสับปสนได้
  • ไม่ควรทานยาในที่มืด ควรอ่านฉลากยาทุกครั้งก่อนใช้ยา

วิธีการใช้ยารูปแบบต่างๆ

ดูรายละเอียดได้ที่ รูปแบบและวิธีบริหารยา

ข้อควรระวังในระหว่างใช้ยา

  • ไม่ควรให้ยาที่ท่านใช้ให้ผู้อื่นใช้ หรือไม่ควรใช้ยาของผู้อื่นโดยที่ท่านคิดว่าเป็นอาการเดียวกัน นอกจากท่านมั่นใจจริงๆ เนื่องจากยาหลายๆชนิด ได้ถูกเลือกให้เหมาะสมกับสภาพอาการรวมทั้งสภาพร่างกายของท่านหรือของเจ้าของยา มิฉะนั้นอาจเกิดผลข้างเคียงหรือพิษจากยาที่ท่านคาดไม่ถึง
  • เมื่อท่านต้องใช้ยาอื่นๆเพิ่มเติมในระหว่างที่ท่านอยูในระหว่างใช้ยาอยู่ ท่านควรปรึกษาแพทย์ เภสัชกรก่อนทุกครั้ง เพราะการใช้ยามากชนิด อาจเกิดปฏิกิริยาต่อกัน ทำให้เพิ่มผลการรักษา หรือ เพิ่มผลข้างเคียง หรือเพิ่มพิษของยาก็ได้
  • ถ้าท่านต้องเข้ารับการผ่าตัด ทำฟัน ควรแจ้งแก่แพทย์ผู้รักษา หรือวิสัญญีแพทย์ เกี่ยวกับยาที่ท่านกำลังใช้อยู่

ผลข้างเคียง

ปัจจุบันยังไม่มียาใดเลยที่ให้แต่ประโยชน์ด้านเดียว แต่จะมีผลข้างเคียงหรือพิษของยาด้วยเสมอ ดังนั้นเมื่อท่านได้รับยาจากแพทย์ หรือ เภสัชกร ท่านจึงควรสอบถามให้ชัดเจนว่า ยานั้นๆมีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง และผลข้างเคียงแบบไหนที่อยุ่ในระดับที่ไม่อันตราย แบบไหนที่เมื่อปรากฏจะต้องรีบหยุดยาทันทีโดยไม่รีรอ

ข้อมูลเพิ่มเติมต่างๆ

หลังจากที่ท่านได้รับยาจากแพทย์ หรือเภสัชกร ท่านควรรักษาสิทธิของท่านในการทราบชื่อยาทางการค้า และชื่อยาทั่วไปทุกครั้ง

ยาที่ท่านจะต้องใช้รักษาโรคเรื้อรังซึ่งต้องทานติดต่อกันไป ท่านควรมีประจำตัวไว้ตลอดเวลาอย่าให้ขาด โดยเฉพาะเวลาเดินทาง  เพราะยาบางชนิดถ้าหยุดยาอย่างกะทันหัน จะทำให้เกิดอาการกำเริมได้อย่างทันทีทันใด

ถ้าท่านมีข้อสงสัยเรื่องยาควรปรึกษาผู้ที่จ่ายให้ท่านทันที หรือ เมล์มาที่ผมก็ได้ครับ ( ถ้าไม่รับด่วยนัก )


โดย : เด็กหญิง กมลวรรณ อาริยวัฒน์, พนัสพิทยาคาร, วันที่ 11 กันยายน 2546