บ้านที่มีความรัก

บ้านที่มีความรัก จะเสริมสร้างให้เด็กเป็นคนที่ไม่มีปัญหา

โดย นางภัทวรรณ ตุ่นนิ่ม

ในระบบร่างกายของคนเรามีต่อมไร้ท่อซึ่งจะทำงานตามภาวะอารมณ์ของคน ต่อมไร้ท่อจะผลิต “ สารเป็นสุข ” เมื่อคนมีความสุขทางจิตใจ สารที่ผลิตขึ้นนี้ทำให้มนุษย์เป็นสุขกล้ามเนื้อผ่อนคลาย จิตใจสบาย และโลกสดใส หญิงมีครรภ์ได้รับความรัก ความเอื้ออาทรความเกื้อหนุนอย่างดีจากสามี หญิงคนนั้นจะมีความสุข “ สารเป็นสุข ” จากต่อมไร้ท่อจะไหลไปตามสายรกของเด็ก ทำให้เด็กเป็นสุขด้วย เด็กที่เกิดมาจะมีสุขภาพจิตดี นอนหลับ อยู่สบาย มีพัฒนาการเร็ว รับรู้ได้เร็ว ถ้าไม่ได้รับความรักจากพ่อ แม่จะขาดกำลังใจในการปรับตัวได้ดี ในการทะนุถนอมร่างกายและจะกระวนกระวาย ร่างกายจะผลิต “ สารเป็นทุกข์ ” ขึ้นในตัวแม่ และจะมีผลต่อเด็กในครรภ์ให้มีความรู้สึกกระวนกระวายไปด้วย เมื่อคลอดออกมาเด็กจะมีอาการขี้แย ร้องไห้โยเย

อย่างเห็นได้ชัดเจน

ในวัยหนุ่มสาวเมื่อคนเรามีความรักโลกบริสุทธิ์สดใสมีความรื่นรมย์ มีพลังในการทำงาน มีความผ่อนปรนกับทุกสิ่งทุกอย่าง เนื่องจากจิตใจดีและถูกโอบอุ้มไว้ด้วยความรักเมื่อแต่งงานเป็นพ่อแม่ ถ้าความรักระหว่างพ่อกับแม่มีอยู่ พ่อแม่มีความพร้อมที่จะมีลูก ลูกที่เกิดขึ้นมาท่ามกลางความรักของพ่อและแม่จะมีความสุข เด็กที่เกิดขึ้นมาท่ามกลางความรักของพ่อแม่จะมีความสุข เด็กเกิดมาเป็นผ้าขาวไม่มีทักษะอะไรเลย เด็กมีเพียงเสียงร้องไห้ใช้เป็นสื่อกับพ่อแม่ พ่อแม่ที่มีความรักจะโอบกอด โอมอุ้มเด็กด้วยความรักอิทธิพลของความรักที่มีต่อเด็กจะทำให้เด็กจิตใจดี เด็กที่ร้องไห้กวนโยเยจะเป็นเด็กที่สงบ สุขภาพจิตดี การย่อยอาหารดี เคยมีการทดลองเลี้ยงดูเด็กกำพร้าแยกวิธีการเลี้ยงดูออกเป็นสองลักษณะ ลักษณะแรกมีความพร้อมทางด้านวัตถุ อาหารการกินทุกอย่าง ลักษณะที่สอง เด็กจะมีคนดูแลอย่างใกล้ชิตให้ความรัก ผลปรากฎว่าภายในหนึ่งปีเด็กที่มีความพร้อมทางด้านวัตถุเสียชีวิตไปกว่าครึ่ง อย่างที่เรียกว่า “ เด็กเฉาตาย ” การแสดงความรักไม่ใช่คำพูด การแสดงความรักคือ ปฏิกิริยา หรือกริยาที่สื่อมากับพ่อแม่

เด็กมีความสามารถที่จะรับรู้อารมณ์ ผู้ใหญ่บางครั้งอารมณ์ไม่ดี หรือโกรธกัน แต่ก็แสร้งยิ้มหลอกกันกลบเกลื่อนกันได้ สำหรับเด็กแล้วเวลาอยู่กับผู้ใหญ่ เด็กไม่ได้สัมผัสที่รอยยิ้ม หรือสัมผัสท่าที แต่จะสัมผัสความรู้สึกลึก ๆ ที่ถ่ายทอดมาสู่ต่อเด็ก เช่น แววตา การสัมผัส มีเด็กคนหนึ่ง พ่อแม่เป็นคนมีการศึกษา แอบไปทะเลาะกันในห้องและพยายามปฏิบัติต่อกันเป็นปกติ คุยกันเหมือนเดิม นั่งทานข้าวด้วยกันเหมือนเดิม แต่ด้วยอารมณ์ของพ่อแม่ที่เครียดมาจากการทะเลาะกัน ในบรรยากาศพูดคุยซักถามนั้นไม่มีความราบรื่น ไม่มีการยิ้มหัว ไม่มีการยิ้มทั้งแววตาให้กับลูก เวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ เด็กคนนี้ซึมจนกระทั่งวันหนึ่ง เด็กยิ้มอย่างแจ่มใส บอกว่าดีใจที่พ่อแม่ดีกันแล้ว แม่ก็สงสัยว่าพยายามปิดบังลูกมาตลอดเจ็ดวัน ลูกทราบได้อย่างไร จึงถามลูกว่า “ หนูรู้ได้อย่างไรว่าพ่อแม่ดีกันแล้ว ” เด็กบอกว่าเมื่อเช้านี้เห็นพ่อหอมแก้มแม่ แล้วพ่อก็ยิ้มให้แม่แล้วพ่อก็มากอดลูก

ความรักเป็นความรู้สึกเสแสร้งกันไม่ได้ จึงมีคำกล่าวว่า “ ถ้าจะรักหนู ขอให้จงรักแม่ของหนูให้มาก ”

เมื่อย้อนกลับมาดูแม่ แม่ซึ่งอยู่กับลูกท่ามกลางความรักของพ่อแม่คนนั้นจะมีความยืดหยุ่นและมั่นใจในตัวเอง มีอารมณ์ดีและอยู่กับลูกได้ด้วยดี



แหล่งอ้างอิง : ภัทวรรณ ตุ่นนิ่ม

โดย : นางสาว แสงเดือน ด้วงปวน, ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านนำ้หมัน, วันที่ 24 สิงหาคม 2546