มวยคาดเชือก ก่อนจะมีการให้นักมวยสวมนวมชกกันอย่างเช่นปัจจุบัน มวยไทยดั้งเดิมจะใช้วิธีพันมือแทนนวม ซึ่งเรียกว่าการคาดเชือก หรือที่ทางปักษ์ใต้เรียกว่า ถักหมัดมีหลักฐานบันทึกไว้ว่า อย่างน้อยที่สุดการคาดเชือกนี้ มีมาตั้งแต่ครั้งอยุธยาตอนกลางแล้ว เนื่องจากทั้งมวยหลักและมวยเกี้ยว ต่างก็มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน คือมวยหลักจะออกอาวุธหนักหน่วงรุนแรง ส่วนมวยเกี้ยวจะใช้อาวุธรวดเร็ว เด็ดขาด จากลักษณะการชกมวยไทย ๒ ลักษณะดังกล่าว ทำให้การคาดเชือกของนักมวยที่ชกมวยแต่ละแบบ มีความแตกต่างกัน ความต่างนี้ยังรวมถึงมวยแต่ละถิ่นอันมีลีลาการชก มีทีเด็ดทีขาดแตกต่างกัน ก็มีวิธีการคาดเชือกต่างกันไปด้วย อาทิ มวยโคราช เป็นมวยที่เตะต่อยวงกว้าง ซึ่งเรียกกันว่าเหวี่ยงควาย การคาดเชือกของมวยโคราชจึงนิยมใช้ด้ายดิบพันคาดหมัด แล้วขมวดวนรอบแขนจนจรดข้อศอก เพื่อป้องกันการเตะ
มวยลพบุรี มีชื่อเสียงว่าเป็นมวยหมัดตรง ไม่นิยมใช้มือป้องกันการเตะชอบต่อยตรงๆตามแบบฉบับ มวยเมืองนี้แหวกการควบคุมป้องกันได้ดีกว่ามวยถิ่นอื่น จนได้ชื่อว่าแม่น หรือหมัดแม่น เป็นสมญานามของมวยลพบุรีหลายต่อหลายคน การคาดเชือกของมวยลพบุรีจะมัดเพียงครึ่งแขนโดยใช้ด้ายดิบไม่ยาวเท่ามวยโคราช มวยไชยา มวยเมืองใต้ที่ถนัดการใช้ศอกและแขน จึงนิยมถักหมัด (ภาษาถิ่นหมายถึงคาดเชือก) ด้วยด้ายดิบสั้นๆพอให้พันได้รอบข้อมือกันซ้นหรือเคล็ดเท่านั้น วัตถุประสงสำคัญของการคาดเชือกก็คือ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้แก่อาวุธสำคัญของมวยไทย คือหมัดให้มั่นคง แข็งแกร่งกว่าการกำหมัดเปล่าธรรมดานั่นเอง หมัดที่คาดเชือกแล้วสามารถสร้างความบอบช้ำให้คู่ต่อสู้ได้ชะงัดนักด้วยส่วนที่เป็นปมของเชือกคล้ายก้นหอย ซึ่งเป็นเทคนิคการพันของแต่ละทองถิ่นทั้งไม่เคยปรากฎว่ามีมวนคาดเชือกที่ใช้ด้ายดิบคลุกแป้ง แล้วผสมเศษแก้ว หรือ นำไปชุบน้ำมันยาง เพื่อให้เกิดความแข็งและคม สำหรับไว้ทำร้ายคู่ต่อสู้ เช่นที่คนสมัยปัจจุบันมักเล่าลือหรือเชื่อกัน ในส่วนวิธีการคาดเชือกนั้น นักมวยต้องคว่ำมือเหยียดนิ้วกางออกเต็มที่ ครูมวยจะสวมประเจียดหรือมงคลไว้บนหัวนักมวยก่อนเครื่องคาดอื่นๆ เช่น ตะกรุด พิสมร ครูบางท่านอาจลงธนูมือ หรืออาวุธ ๔ ประการ หรืออาวุธพระเจ้าสุดแท้แต่ความนิยมแล้วแล้วเริ่มพันด้ายดิบตรงข้อมือก่อน เพื่อให้กระดูกทั้ง ๘ ชิ้นกระชับมั่นคง ไมใคล็ดไม่ซ้น จากนั้นพันรอบๆหลังมือและซองมือไปจนจรดปลายนิ้วอย่างหลวมๆ แล้ววนหันกลับมาทางข้อมืออีกครั้งหนึ่ง แล้วสอดได้รวบรั้งจากปลายนิ้วเข้ามาจนเลยง่ามมือ เพื่อใหข้อนิ้วโผล่ ถึงช่วงนี้หมัดที่คาดเชือกไว้ยังคงอ่อนนุ่มอยู่ พอได้ดิเหลือการพันอีกประมาณ ๑ เมตรครูผู้คาดหมัดจะบิดด้ายดิบให้เป็นเกลียวเขม็งและแข็งเป็นตัวหอย ตัวนักมวยเองพอคาดถึงช่วงนี้จะต้องขยับนิ้วเพื่อป้องกันอาการเหน็บ แล้วสอดก้นหอยเข้าทีละตัว เรียงรายให้ทั่วหลังหมัด จนมีความตึงขึ้นทุกที เท่านี้ยังไม่พอ เพราะปมก้านหอยอาจยังพลิกได้อยู่ จึงต้องใช้ด้ายขนาดเท่าก้านไม ขีด ยาวประมาณ ๑ เมตร ซึ่งเรียกว่า หางเชทือก มาใช้สัก คือสอดยึดตรึงก้นหอยที่เอียงไปเอียงมาให้ตั้งตรง ทำนองเดียวกับหนามทุเรียนที่ตัดปลายหนามแหลมออก
|