กีต้าร์กอล์ฟ


คลิกสองครั้งเพื่อเพิ่มภาพตัดปะ

คู่มือ
เลือกซื้อกีตาร์คู่ชีพ

กีตาร์นั้นเปรียบเสมือนอาวุธคู่กายของมือกีตาร์ทุกคน ถ้าคิดจะเป็นมือกีตาร์ก็ต้องหามาไว้คู่กายอย่าให้ขาด จะอาศัยหยิบยืมกันได้บ้างตามโอกาส แต่ไม่ควรทำตัวเป็น "มือกีตาร์ยืม" กันตลอดศก ช่วงระยะหลังมานี้เห็นนาย Little Dog มาเล่าให้ Voodoo ฟังว่ามีคนถามเข้ามามากเกี่ยวกับการเลือกซื้อกีตาร์ ว่าควรจะต้องดูอะไรบ้าง? เมื่อถามเข้ามากันหนาแน่นก็ได้เลยครับจ้าว...วนาย...ย กระผมขออธิบายเป็นข้อๆไปก็แล้วกัน

1. เราต้องเตรียมตัวมาก่อน ก่อนที่จะออกจากบ้านไปเดินดูกีตาร์ว่าเสียงกีตาร์ในฝันของเรานั้นควรจะเป็นอย่างไรเพื่อจะได้มุ่งไปหากีตาร์แบบที่เราต้องการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ถ้าราชอบเสียงที่สดใส เปล่งประกายชัดเจน ถ้าไม่เล่นเพลงที่ดุมากๆ ขอให้หากีตาร์ที่ลำตัวเป็นไม้ Alder หรือ Poplar หรือ Ash ตัวอย่างที่เด่นชัดและคนรู้จักกันดีก็ Fender,Squire เขาจะใช้ไม้แบบนี้เป็นส่วนใหญ่ ถ้าชอบเสียงที่อ้วนหนา ชอบเสียงที่ดุๆผ่าน effect เสียงแตกแล้วสะใจโก๋ ก็ต้องเลือกใช้ไม้ Mahogany ทำลำตัวยี่ห้อที่รู้จักกันดีก็ Gibson ,Epiphone เป็นต้น ตัวอย่างของยี่ห้อที่ยกมาก็เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้นเท่านั้น แต่ตอนไปเลือกกันจริงๆแล้วก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องไปดูยี่ห้อที่บอกมาก็ได้เพราะบางยี่ห้อนั้นแพงมาก

2. มองดูแนวเพลงที่เราชอบเล่น หรือต้องการจะเล่น ถ้ายังมองไม่ออกก็มองไปที่ศิลปินที่เราชื่นชอบในเสียงกีตาร์ของเขา เช่นชอบ คุณป๊อป (The Sun) ก็ไม่จำเป็นต้องไปซื้อ Fender หรอกครับ แต่ควรมองหากีตาร์ทรง Stratocaster แบบที่คุณป๊อปใช้ ลำตัวเป็นไม้ Alder ก็จะใกล้เคียงมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าเกิดชอบ Stevie Vai ขึ้นมาก็ไม่จำเป็นต้องใช้ Ibanez เสมอไป เป็นทรงอะไรก็ได้ที่มี Pick up แบบฮัมบัคกิ้งแต่ต้องมีระบบคันโยกที่เป็นแบบอิสระมีระบบล็อคสายให้แน่นได้

3. เมื่อได้รูปทรงกีตาร์ที่ชอบแล้วก็มาสำรวจดูเงินในกระเป๋าก่อนครับว่ามีอยู่มากน้อยเท่าไร จะได้ไปดูกีตาร์ให้เหมาะ ถ้ามีที่ถูกใจแต่เงินไม่พอแล้วค่อยกลับมาเก็บตังค์เพิ่มกัน

4. ในการเลือกกีตาร์ไว้ใช้ส่วนตัวนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นตัวแรกในชีวิตก็ตามที ขอให้เลือกกีตาร์ที่ลำตัวทำมาจากไม้จริง ไม่ใช่ไม้อัด เพื่อความคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ไม่ใช่เรื่องเสียงหรอกครับว่าไม้อัดจะให้เสียงเลวร้ายเสมอไป ที่ให้เสียงดีๆก็มีถมไป แต่เรื่องความคงทนนี่สิครับเป็นเหตุผลหลักเพราะไม้อัดยังไงๆก็ทนสู้ไม้จริงไม่ได้ ถ้าจะเลือกใช้แบบไม้อัดเพราะมีราคาถูกดี ขอแนะนำว่าเลือกใช้แบบไม้จริงแต่ลำตัวใช้ไม้ต่อกันหลายๆชิ้นยังดีซะกว่าครับ

5. ไม่จำเป็นต้องหยิบกีตาร์ขึ้นมาดูทุกตัวก็ได้ครับ สิ่งแรกที่ต้องดูให้ถี่ถ้วนคือ"คอกีตาร์" ดีที่สุดคือเป็นไม้ชิ้นเดียวกันตลอดความยาวของคอ มองดูทางด้านหลังของคอจะเห็นครับว่าเป็นไม้ต่อกันหรือเปล่า ถ้าเห็นได้ชัดว่าเป็นไม้ต่อกันจะเป็น 2 หรือ3 ชิ้นก็ตามก็ลองมองหาตัวอื่นที่เป็นไม้ชิ้นเดียวไปก่อนครับ แต่ถ้าเขาทำสีปิดทางด้านหลังทำให้เรามองไม่เห็นไม้ก็ค่อนข้างจะแน่นอนว่าเป็นไม้หลายชิ้นแน่ๆ หรือถ้าเราสังเกตให้ดีที่ผิวของสีบางครั้งจะเห็นเป็นรอยยุบตัวเป็นเส้นๆ ก็จะแน่นอนเลยว่าใช้ไม้ต่อกัน

6. ลองยกกีตาร์ขึ้นครับว่ามีน้ำหนักเป็นอย่างไร ถ้าเบาหวิวอย่างกับลำตัวกลวงล่ะก็ "ไม้อัด"แหงๆ แต่ถ้าหนักก็อย่าเพิ่งปักใจเชื่อว่าเป็นไม้จริง ถ้าเขาทำสีที่เป็นแบบใสมองเห็นเนื้อไม้ก็ดูว่าเป็ลายไม้ชัดไหม ต้องดูด้วยว่าที่เห็นเป็นลายไม้สวยๆน่ะเขาใช้ไม้ลายสวยๆมาปิดทับไว้ด้านหน้าหรือเปล่า ดูทั้งด้านหน้า,หลัง และบริเวณที่เป็นรอยปาดเว้าต่างๆก็จะเห็นว่าเป็นผิวไม้หรือเปล่า ส่วนที่มีลำตัวเป็นสีทึบนั้นจนด้วยเกล้าจริงๆเพราะไม่มีทางรู้ได้ด้วยการมองภายนอก ต้องแกะมาดูกันข้างในครับแล้วจึงจะรู้แต่คนขายคนไม่ยอมแน่ๆ ผมเคยเล่นกีตาร์ตัวหนึ่งทำในเกาหลี ลำตัวทำสีขาวปิดทึบ เสียงคมชัดดี น้ำหนักตัวก็มากเหมือนลำตัวเป็นไม้จริงเลยครับ แต่จริงๆแล้วเขาทำด้วยไม้ MDF จึงมีความหนักมาก และที่ฟ้องออกมาประจานให้รู้นั่นคือที่หย่องหลังมีรอยแตกร้าว เลยเห็นไม้ข้างในว่าไม่ใช่ไม้จริง

7. ถ้าทุกอย่างที่ว่ามาเป็นไปในทางที่สรุปได้ว่าลำตัวเป็นไม้จริง และคอเป็นไม้ชิ้นเดียวกันแล้ว ก็มาดูกันที่ Finger Board และ Fret กันครับ คือส่องดูที่คอด้านหน้าในแนว Fret ว่าเรียบเป็นระนาบเดียวกันไหม ซึ่งควรจะเรียบเป็นระนาบเดียวกัน ถ้าคอเกิดโก่งหรืองอก็ให้คนขายเขาปรับแต่งให้ตรง ให้เห็นกันไปเลย อย่างไปหลงเชื่อเด็ดขาดถ้าเขาบอกว่า "เอาไปปรับที่บ้านก็ได้" วิธีการดูง่ายๆคือกดสายที่ Fret 1 กับ Fret สุดท้ายพร้อมกันแล้วมองดูว่าสายแนบชิดกับ Fret ทุกช่องไหม ถ้ามีรอยห่างให้เห็นมากๆแสดงว่าคองอ แต่ถ้าเป็นคอโก่งเวลาลองดีดสายไปแล้วจะมีเสียงบอด หรือเสียงสายตีกับ Fret ทั้งสองอาการสามารถปรับคอให้กลับมาตรงได้ครับ แต่ถ้าเป็นอาการคอบิดคือส่องดูที่ผิวด้านหน้าของ Fret แล้วไม่เป็นระนาบเดียวกันมีการเอียงค่อนไปทางสาย 6 หรือสาย 1 ถ้าเป็นอย่างนั้นหากีตาร์ตัวใหม่เลือกได้เลยครับ เพราะอาการคอบิดแบบนี้แก้ไขอะไรไม่ได้เลยครับ

8. ลองหมุนลูกบิดปรับสาย ,ปุ่มวอลลู่ม และ Selector Switch ว่าหมุน หรือโยกได้คล่องดีไหม? อาจจะทำเป็นแอ็คท่าปรับเสียงกีตาร์ก็ได้เพื่อความเป็นธรรมชาติ ทดลองดีดไปตามสายต่างๆให้ทั่วทั้งคอว่าเล่นได้คล่องเหมาะมือดีไหม Fret สูง/ต่ำถูกใจหรือเปล่า

9. เสียบผ่านตู้แอมป์เพื่อฟังเสียงจริงว่าเป็นอย่างไร มีเสียงจี่,ฮัม รบกวนมากน้อยเป็นอย่างไร ถ้ากีตาร์ที่เราเลือกมี Pick up แบบฮัมบัคกิ้ง เสียงที่ได้ไม่น่าจะฮัม หรือจี่ ถึงจะมีบ้างก็ไม่ควรดังมาก แต่ถ้าเป็นแบบ Single Coil ก็จะมีเสียงจี่เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว ซึ่งเสียงที่ดีดได้ควรจะออกชัดสดใส ลองหมุนปุ่มวอลลู่มดูว่ามีอาการดังครืดคราดไหมถ้าดังแสดงว่ามีความสกปรกเกาะที่หน้าสัมผัส แสดงว่าเก่าเก็บ กีตาร์ใหม่ๆไม่ควรมีอาการนี้ ลองปรับ Selector Switch ไปตามตำแหน่งต่างๆแล้วดีดฟังเสียงดูว่าออกครบทุกตำแหน่งดีไหม มีอาการติดๆดับๆ หรือดังขาดๆหายๆหรือเปล่า

10. ทดลองกับ Effect เสียงแตก โดยปรับเอาจากตู้ก็ได้ถ้าหากเขามี หรือถ้าไม่มีก็ขอเขาทดลองไปด้วยกันเลยเผื่อว่าวันหน้าจะมาอุดหนุนกันใหม่ (พูดให้เขามีความหวังมั่ง) ฟังเสียงกีตาร์ที่ผ่าน Effect เสียงแตกออกมาว่าได้เสียงแบบที่ชอบหรือไม่ ปรับแต่งเสียงแล้วเป็นอย่างไร

11. คุยกันเรื่องราคา ต่อรองขอของแถมอะไรกันตามความถนัด

หวังว่าคงจะพอช่วยให้สามารถตัดสินใจเลือกกีตาร์คู่ชีพมาไว้ใช้กันได้ ว่างๆส่งรูปมาอวดกันมั่งสิครับ ว่าใช้กีตาร์อะไรกันบ้าง พบกันใหม่ครั้งหน้า ...สวัสดีครับ


คลิกสองครั้งเพื่อเพิ่มภาพตัดปะ
คลิกเพื่อเพิ่มข้อความ


แหล่งอ้างอิง : -

โดย : นาย นรานันท์ พัฒนประเสริฐ, มหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตถ์, วันที่ 21 สิงหาคม 2546