![](../image/prepare.html)
๑.
สถานการณ์ทั่วไป
๑.๑
ปัจจุบันภัยจากการคุกคามด้านกำลังทหารภายนอกประเทศมีแนวโน้มลดลง
ในขณะที่ สาธารณภัยมีแนวโน้มที่จะทวีจำนวนความถี่และความรุนแรงเพิ่มขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นสาธารณภัยที่เกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
ซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หรือที่เกิดขึ้นจากการกระทำของมนุษย์ขณะเดียวกัน
การพัฒนาและความเจริญก้าวหน้าทางด้านอุตสาหกรรม ได้ยังผลให้ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นมีความหลากหลายและสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
ภัยพิบัติมักก่อให้เกิดความเสียหายและผลกระทบในด้านต่าง ๆ อย่างมาก
ซึ่งถือเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศเป็นอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันและลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น
การจัดทำหรือ การปรับปรุง
แผนป้องกันภัยจึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งทั้งนี้เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยให้สามารถปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีระบบ
มีประสิทธิภาพ
และประสิทธิผลสูงสุด
๑.๒ ในภาวะปกติ รัฐต้องเตรียมป้องกันภัยต่าง
ๆ ด้วยการจัดเตรียมการให้พร้อม ที่จะเผชิญกับภัยทุกรูปแบบเมื่อเกิดภัยขึ้นหรือใกล้จะเกิด
ไม่ว่าภัยแบบใดแบบหนึ่งหรือเกิดหลายแบบพร้อม ๆกัน หน่วยงานของรัฐจะต้องเข้าอำนวยการปฏิบัติในการป้องกัน
บรรเทา และฟื้นฟูบูรณะอย่างมีเอกภาพ เพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด
๑.๓ กระทรวงกลาโหม
เป็นองค์กรหนึ่งของรัฐที่มีหน้าที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย
ตาม
พ.ร.บ.ป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน พ.ศ.๒๕๒๒ และแผนป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน
พ.ศ.๒๕๔๑
ของกระทรวงมหาดไทย จึงได้จัดตั้ง ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กระทรวงกลาโหม(ศบภ.กห.)
ขึ้น ตามคำสั่ง กห. (เฉพาะ) ที่ ๗๐/๔๐ ลง ๒๕ มี.ค.๔๐ โดยมีหน้าที่อำนวยการประสานงาน
สั่งการและกำกับดูแลการปฏิบัติของส่วนราชการใน กห. ในการช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยทั้งปวง
ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ในส่วนของกองทัพอากาศ ได้จัดตั้ง ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ
(ศบภ.ทอ.) ขึ้นรองรับภารกิจให้การช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย ตามนโยบายของกห.
เมื่อได้รับการร้องขอจากหน่วยงานของรัฐ และ/หรือ เอกชน และ/หรือ ศบภ.กห.
โดยมีผช.เสธ.ทอ.ฝขว.
เป็น ผอ.ศูนย์ ฯ จก.ยก.ทอ. เป็นรอง ผอ.ศูนย์ ฯ และ ผอ.กกร.ยก.ทอ. เป็นเลขา
ฯ ศูนย์
ฯ
๒.
ภารกิจ เตรียมและดำเนินการป้องกันบรรเทาและลดอันตรายที่เกิดขึ้นแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและของรัฐ
อันเนื่องมาจากสาธารณภัย เมื่อได้รับการร้องขอจากศูนย์บรรเทาสาธารณภัย
กห. (ศบภ.กห.) และ/หรือ ฝ่ายพลเรือน
๓. การปฏิบัติ
๓.๑ แนวความคิดในการปฏิบัติ
๓.๑.๑
เพื่อให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบสาธารณภัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
สอดคล้องกันนโยบาย กห., บก.ทหารสูงสุด และการปฏิบัติของเหล่าทัพอื่น
ทอ. จะจัดตั้ง ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ มีคำย่อว่า ศบภ.ทอ.
ขึ้นที่ กกร.ยก.ทอ. เพื่อเตรียมปฏิบัติภารกิจตลอด ๒๔ ชั่วโมง ตั้งแต่ยามปกติ
โดยมี ผช.เสธ.ทอ.ฝขว. รับผิดชอบ ส่วน หน่วย ทอ. ณ ที่ตั้งต่างจังหวัด
ได้แก่ รร.การบิน กองบิน และฝูงบินอิสระปฏิบัติราชการสนาม ให้ จัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยหน่วยขึ้น
มีคำย่อว่า ศบภ.
เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยในพื้นที่ตั้งของหน่วย
โดยมี ผบ.หน่วย เป็นผู้รับผิดชอบ
๓.๑.๒
ศบภ.ทอ. มี ผช.เสธ.ทอ.ฝขว. เป็นผู้อำนวยการศูนย์ ฯ (ผอ.ศบภ.ทอ.) จก.ยก.ทอ.เป็นรองผู้อำนวยการศูนย์
ฯ (รอง ผอ.ศบภ.ทอ.) รอง จก.ยก.ทอ.(๑) เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์
ฯ (ผช.ผอ.ศบภ.ทอ.)
ผอ.กกร.ยก.ทอ. เป็นเลขานุการศูนย์ ฯ (เลขา ฯ ศบภ.ทอ.) และ รอง ผอ.กกร.
ยก.ทอ.
เป็นผู้ช่วยเลขานุการศูนย์ ฯ (ผช.เลขา ฯ ศบภ.ทอ.) โดยจัดให้มีกำลังพล
อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้
และยานพาหนะสำหรับปฏิบัติงานอย่างเพียงพอ สำหรับ ศบภ.รร.การบิน กองบิน
และฝูงบินอิสระปฏิบัติราชการสนาม
ให้ ผบ.หน่วย เป็นผู้อำนวยการศูนย์ ฯ
๓.๑.๓
ศบภ.ทอ. มีหน้าที่วางแผน อำนวยการ ประสานงาน สั่งการและควบคุม กำกับดูแลการปฏิบัติของหน่วย
ทอ. ต่าง ๆ ทั้งในที่ตั้งส่วนกลางและต่างจังหวัด ในการให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบสาธารณภัยทั้งปวง
รวมทั้งเป็นศูนย์กลางรับการบริจาคของทอ.
เพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย และรวบรวมผลการปฏิบัติ นำเรียน
ผู้บังคับ
บัญชาอย่างต่อเนื่อง
๓.๒ ขั้นตอนการปฏิบัติ
การให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบสาธารณภัย
ต้องกระทำอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาตั้งแต่ยามปกติ
โดยแบ่งขั้นตอนการปฏิบัติออกเป็น ๓ ขั้นตอน ดังนี้
๓.๒.๑
ขั้นเตรียมการและป้องกัน คือ การจัดเตรียมและหาวิธีป้องกันมิให้ประสบภัยขึ้นหรือแก้ไขอุปสรรค
ไว้ล่วงหน้า
ก่อนที่ภัยจะเกิดขึ้น เพื่อลดผลกระทบที่เป็นอันตรายและการสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
ภาครัฐและเอกชน โดยปฏิบัติตั้งแต่ยามปกติ ดังนี้
๓.๒.๑.๑
การเตรียมคนและวัสดุอุปกรณ์ จัดเตรียม
จนท.
รับผิดชอบงาน ซักซ้อม ฝึกซ้อม อบรมและกำหนดวิธีการปฏิบัติหน้าที่
ตามขั้นตอนต่าง ๆ ให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
ประสานการเตรียมการ กับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
ในการจัดเตรียมคน วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมทั้งจัดหางบประมาณสนับสนุนตามความจำเป็นและเหมาะสม
จัดเตรียมกำลังพล
สถานที่ วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ เพื่อสนับสนุนการป้องกันภัยต่าง
ๆ
๓.๒.๑.๒ การจัดระบบการปฏิบัติการ
จัดให้มีการทำแผนการปฏิบัติของ
จนท. และมีการซักซ้อมตั้งแต่ ยามปกติ เพื่อให้พร้อมปฏิบัติการได้ทันทีเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น
๓.๒.๑.๓ การสำรวจพื้นที่เสี่ยงภัย
สำรวจวิเคราะห์พื้นที่ที่มักเกิดภัยขึ้นเป็นประจำ
หรือเป็นพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดภัยทุกรูปแบบ และจัดทำบัญชีเป้าหมายการป้องกัน
ภัยต่าง ๆ โดยแยกประเภทของภัยจัดลำดับความเร่งด่วนในการปฏิบัติในการเผชิญภัยคุกคามที่เกิดขึ้น
๓.๒.๒ ขั้นการปฏิบัติเมื่อเกิดภัย
คือ การขจัดหรือลดความรุนแรงของภัย
รวมทั้งการ รักษาขวัญและความเป็นระเบียบให้คงไว้
เพื่อให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
๓.๒.๒.๑
สงวนรักษาชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และทรัพย์สินของทางราชการ
๓.๒.๒.๒ รักษาขวัญ กำลังใจ
และความเป็นระเบียบในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และประชาชนให้คงไว้ระหว่าง
ที่ภัยยังปรากฎอยู่
๓.๒.๒.๓ ระงับภัยที่เกิดขึ้นให้ยุติโดยเร็ว
๓.๒.๓ ขั้นการฟื้นฟูบูรณะ
คือ การดำเนินการทั้งปวงเพื่อช่วยเหลือบรรเทาอันตรายซ่อมแซมสิ่งชำรุดเสียหายให้กลับคืนสู่สภาพเดิม
เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ ของประชาชน ให้กลับคืนสู่สภาพปกติ
โดยยึดถือหลัก ๓ ประการ ดังนี้
๓.๒.๓.๑
ให้ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ขั้นต้นแก่ประชาชนผู้ประสบภับ
๓.๒.๓.๒ ให้การบรรเทาอันตรายอันเกิดต่อเนื่องมาจากภัยนั้น
๓.๒.๓.๓ ให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือ
การฟื้นฟูสภาพของประชาชนผู้ประสบภัยให้สามารถดำรงชีวิตกลับสู่สภาพปกติโดยเร็ว
๓.๓ พื้นที่รับผิดชอบ
๓.๓.๑ ในเขตพื้นที่กรุงเทพ
ฯ และปริมณฑล ศบภ.ทอ. รับผิดชอบการปฏิบัติ
๓.๓.๒ ในเขตพื้นที่ต่างจังหวัด
ให้ ศบภ.รร.การบิน, กองบิน และฝูงบินอิสระ
ปฏิบัติราชการสนาม รับผิดชอบการปฏิบัติ โดยพิจารณาจังหวัดใกล้เคียงและจังหวัดรอบที่ตั้งหน่วยเป็นหลัก
๓.๔ ขอบเขตการปฏิบัติและอำนาจสั่งการ
๓.๔.๑
ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบสาธารณภัย อันเกิดจากภัยธรรมชาติและอุบัติภัยเท่านั้น
๓.๔.๒ ใช้วัสดุ อุปกรณ์
ยุทโธปกรณ์ และกำลังพลที่มีอยู่ใน ทอ. โดยประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานฝ่ายพลเรือน
และประชาชนในพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติ
๓.๔.๓ หลีกเลี่ยงการปฏิบัติการใด
ๆ ที่อาจมีผลกระทบต่อแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของฝ่ายพลเรือนหรือของรัฐ
โดยให้ประสานการปฏิบัติซึ่งกันและกัน
๓.๔.๔ ผอ.ศบภ.ทอ. มีอำนาจสั่งใช้วัสดุ
อุปกรณ์ ยุทโธปกรณ์ และกำลังพล รวมทั้งอากาศยานของ
ทอ. ในการช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย
๓.๔.๕ ผอ.ศบภ.รร.การบิน,
กองบิน และฝูงบินอิสระปฏิบัติราชการสนาม สามารถสั่งการใช้วัสดุ
อุปกรณ์ ยุทโธปกรณ์ และกำลังพล รวมทั้งอากาศยาน ที่อยู่ในบังคับบัญชา
ให้การช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยได้ทันทีเมื่อได้รับการร้องขอ แล้วรายงานให้
ศบภ.ทอ. ทราบทุกระยะ
๓.๔.๕ การให้ความช่วยเหลือ
ตามข้อ ๓.๔.๕ หากเกินขีดความสามารถของหน่วย ให้ขอรับการสนับสนุนจากหน่วย
ทอ. ข้างเคียง และ/หรือ ศบภ.ทอ.
ตัวอย่างการช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์อันเนื่องมาจากภัยพิบัติที่ผ่านมา
ในกรณีภาคใต้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ ในช่วงเดือนสิงหาคม
พ.ศ.๒๕๔๐ สาเหตุจาก
พายุโซนร้อน ซีต้า ได้พัดผ่านพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย ส่งผลให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก
โดยเฉพาะที่จังหวัดชุมพรและจังหวัดระนอง ประชาชนไม่สามารถออกจากพื้นที่น้ำท่วมได้
เกิดภาวะขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม
กองทัพ ได้ร่วมกันให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยอย่าง
เร่งด่วน โดย ทอ. ได้ใช้อากาศยานขนส่งกำลังพล เครื่องอุปโภคบริโภค
น้ำดื่ม ยารักษาโรค พร้อมวัสดุอุปกรณ์อื่น
ๆ เช่น เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ของ ทร. จากสนามบินดอนเมือง ไปส่งยังสนามบินจังหวัดระนอง
และจังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังจากนั้น ทบ. และ ทร. จัดรถยนต์บรรทุกขนย้ายวัสดุอุปกรณ์ดังกล่าว
จากสนามบินไปส่งให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่
ในการนี้ ทอ.
ได้ใช้ บ.ล.๘ (C 130) ขนส่งเครื่องอุปโภคบริโภคจาก
"โครงการอาสาเพื่อนพึ่ง
เพื่อนพึ่ง
(ภา ฯ) ยามยาก เรือท้องแบนจาก
ทร. รวมทั้งยารักษาโรค มีน้ำหนักบรรทุกโดยรวม ๙๙๕,๙๐๐
ปอนด์ จากสนามบินดอนเมือง ไปยังสนามบินสุราษฎร์ธานี และสนามบินระนอง
ใช้เที่ยวบินทั้งสิ้น
๓๘ เที่ยวบิน ๑๐๑.๙ ชั่วโมงบิน สำหรับการขนย้ายวัสดุอุปกรณ์ดังกล่าวไปให้ประชาชนที่ติดอยู่ในพื้นที่ประสบภัย
ทอ. ได้ใช้ ฮ.๔ ก ในการขนย้ายทั้งสิ้น ๓๗ เที่ยวบิน ๕๑.๕
ชั่วโมงบิน พร้อมทั้งได้จัดกำลังพลจาก กองบิน ๗ (สุราษฎร์ธานี) และ
กองบิน ๕๓ (ประจวบคีรีขันธ์)
ร่วมปฏิบัติงานกับทางจังหวัดในพื้นที่ด้วย
|