ในช่วงต้นปี 2544 สมาคมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทยและสมาคมธุรกิจคอมพิวเตอร์ไทยได้คาดการณ์ว่า ปริมาณจำหน่ายและมูลค่าของตลาดคอมพิวเตอร์ในปี 2544 จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 582,447 เครื่อง มูลค่า 25,867 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.0 และร้อยละ 22.1 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปี 2543 ที่มีปริมาณจำหน่าย 481,277 เครื่อง มูลค่า 21,177 ล้านบาท แต่ปรากฏว่า ตลาดคอมพิวเตอร์ในประเทศในช่วงไตรมาสแรกของปี 2544 กลับลดลงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากราคาจำหน่ายคอมพิวเตอร์ที่มีแนวโน้มถูกลง เพราะปริมาณสั่งซื้อของลูกค้าในตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะสหรัฐฯ ลดลง ทำให้มีสินค้าล้นตลาด และไหลเข้ามายังประเทศไทยเป็นจำนวนมากและมีราคาถูก แต่จากปัจจัยลบภายในประเทศโดยเฉพาะเศรษฐกิจของไทยที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก ทำให้ยอดจำหน่ายในประเทศไม่เพิ่มขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้

คอมพิวเตอร์ที่จำหน่ายในประเทศมีทั้งที่นำเข้าสำเร็จรูปจากต่างประเทศ (แบรนด์เนม) หรือนำเข้าชิ้นส่วนมาประกอบเป็นคอมพิวเตอร์สำเร็จรูปเพื่อจำหน่าย โดยปัจจุบันความต้องการคอมพิวเตอร์ที่ประกอบเองในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะราคาจำหน่ายที่ถูกกว่าคอมพิวเตอร์ แบรนด์เนมเป็นอย่างมาก ประกอบกับผู้ซื้อสามารถเลือกชิ้นส่วนประกอบได้ตามกำลังซื้อของตน

หากพิจารณามูลค่าการนำเข้าคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบในช่วงไตรมาสแรกของปี 2544 จะพบว่ามีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 1,001.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือขยายตัวถึงร้อยละ 32.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีการนำเข้าเพียง 755.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากผู้ผลิตและจำหน่ายมองว่าตลาดในประเทศยังมีศักยภาพสูง จึงมีการนำเข้าสินค้ามาสต็อกไว้เป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.2 รองลงมาได้แก่ ฟิลิปปินส์ ร้อยละ 14 และจีน ร้อยละ 13 ตามลำดับ สำหรับในส่วนของการส่งออกเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบนั้น ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2544 มีมูลค่า 1,948.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 7.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ประเทศที่มีการนำเข้าจากไทยลดลงได้แก่ สหรัฐฯ มาเลเซีย ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ มีเพียงตลาดญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปที่ยังคงมีการนำเข้าคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบจากไทยเพิ่มขึ้น

พฤษภาคม 2544

ที่มา : บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด