เกาะติดกระแส Wi-Fi เครื่องมือสร้างโอกาส (ใหม่) ทางธุรกิจ
คอลัมน์ Click World
ย้อนหลังไป
4
ปีก่อน ไว-ไฟ (Wi-Fi) หรือการต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สายยังคงเป็นเพียงแค่ของเล่นสนุกๆ
สำหรับนักนิยมเทคโนโลยีและพวกรักการท่องเว็บ แต่มาบัดนี้ ไว-ไฟ
กำลังจะกลายเป็นช่องทางสร้างเงินล้านแห่งใหม่ให้กับธุรกิจหลากหลายสาขาเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา
ตั้งแต่บริษัทผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ไปจนถึงสายการบิน ด้วยอัตราการขยายตัวของการใช้ไว-ไฟในภาคธุรกิจในปีนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 30%
สิ่งที่ทำให้ไว-ไฟกลายเป็นธุรกิจที่น่าจับตามองมากที่สุดในขณะนี้ก็คือ
ค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่อ ไว-ไฟที่ถูกมาก รวมทั้งการพัฒนาให้สามารถรองรับการใช้งานได้ในระยะไกลขึ้นคือ
300 ฟุต และฮอตสปอต (hot spots) หรือจุดเชื่อมต่อไว-ไฟ เพียงจุดเดียวก็สามารถต่อคอมพิวเตอร์ได้หลายตัว ที่กำลังดึงดูดใจให้มีผู้เข้ามาใช้บริการมากขึ้นกว่า
18 ล้านคนทั่วโลก จากเมื่อสองปีก่อนที่มีผู้ใช้บริการเพียง 2.5 ล้านคน และส่งผลให้การติดตั้งฮอตสปอตเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวถึง 16,000
แห่งโดยมีเป้าหมายอยู่ที่โรงแรม สนามบินและศูนย์กลางการค้า
การเติบโตอย่างรวดเร็วของไว-ไฟทำให้บริษัทต่างๆ
กระโดดเข้ามาลงทุนในด้านนี้มากขึ้นๆ เริ่มตั้งแต่บริษัทอินเทลที่ใช้เงินไปแล้วกว่า
300 ล้านเหรียญในการโหมโปรโมต "เซนทริโน"
ชิปที่ผลิตขึ้นมาสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเพื่อรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สายโดยเฉพาะ
และยังร่วมมือกับไอบีเอ็มและเอทีแอนด์ที ตั้ง "โคมีต้า"
(Cometa) เพื่อทำการขยายฮอตสปอตให้ได้ 20,000
แห่งทั่วประเทศภายในระยะเวลา 3 ปี ส่วนไมโครซอฟท์ก็ไม่ยอมน้อยหน้า
หนุนโปรแกรมวินโดวส์ เอ็กซ์พี สุดตัวว่าได้รับการปรับเปลี่ยนเป็นพิเศษเพื่อใช้กับไว-ไฟโดยเฉพาะ
ใช่ว่าจะมีแต่บริษัทคอมพิวเตอร์ที่สนใจลงทุนในตลาดไว-ไฟเท่านั้น แต่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด เช่น
แมคโดนัลด์ก็ติดตั้งฮอตสปอตในร้านไปแล้ว 10 แห่งทั่วกรุงนิวยอร์ก
โดยหวังฟันกำไรจากการเข้ามาใช้ไว-ไฟที่คิดค่าบริการ 3
เหรียญ/ช.ม. บริษัทโบอิ้งก็เตรียมเปิดตัวธุรกิจใหม่ "ไซเบอร์คาเฟ่บินได้"
(flying cybercafes) ภายในต้นปีหน้า โดยจะติดตั้งไว-ไฟในเครื่องบินโบอิ้งกว่า 100 ลำคิดค่าบริการ 25 เหรียญต่อเที่ยวบิน นอกจากนี้บริษัทผลิตมือถือ 3G ก็ตั้งท่าจะเข้ามาใช้ระบบไว-ไฟด้วยเหมือนกัน การเข้ามาลงทุนกันอย่างหนาแน่นของบริษัทต่างๆ ทำให้ต้นทุนในการติดตั้งฮอตสปอตถูกลงถึง
1 ใน 5 ของเมื่อ 2 ปีก่อนโดยมีต้นทุนติดตั้งเพียง 2,000 เหรียญ/จุดเท่านั้น และคาดว่าภายในปี พ.ศ. 2548 แล็ปทอปกว่า 90% จะได้รับการติดตั้งไว-ไฟมาพร้อม ซึ่งราคาของอุปกรณ์เชื่อมต่อไว-ไฟที่ถูกลงเรื่อยๆ
นี้จะช่วยเปิดตลาดผู้ซื้อให้กว้างขึ้น
หลายๆ องค์กรธุรกิจนำระบบไว-ไฟไปใช้งานเนื่องจากเป็นระบบที่ช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการปฏิบัติหน้าที่และเพิ่มผลิตผลในการทำงานให้กับธุรกิจต่างๆ
มากขึ้น เช่น บริษัท ยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (ยูพีเอส)
บริษัทขนส่งทางอากาศรายใหญ่ของโลก ได้ลงทุนกว่า 120 ล้านเหรียญสหรัฐในการนำระบบไว-ไฟมาใช้บริหารศูนย์กระจายสินค้าทั่วโลก
โดยระบุว่าไว-ไฟช่วยทำให้กระบวนการขนส่งสินค้า
รวมทั้งข้อมูลต่างๆ เข้าสู่ระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยสามารถเพิ่มผลิตผลให้กับบริษัทได้ถึง 35%
อย่างไรก็ตาม อุปสรรคของไว-ไฟที่มีขณะนี้ก็คือ
ระบบรักษาความปลอดภัยของเน็ตเวิร์กที่ยังไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้ผู้เข้ามาใช้บริการได้ว่าจะไม่เกิดปัญหาการแฮ็กข้อมูล
แต่ทั้งนี้คาดว่าในปีหน้าระบบจะมีความปลอดภัยอย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าทำได้จริงไว-ไฟก็จะกลายเป็นเค้กก้อนโตที่ใครๆ ก็อยากจะเข้ามาร่วมลิ้มลอง
ที่มา
: ประชาชาติธุรกิจ
ฉบับวันที่ 28 เมษายน 2546
|