วีซ่าเผยแบงก์พร้อม 90% ติดระบบชิพการ์ด
นายสมบูรณ์ ครบธีรนนท์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย
บริษัท วีซ่า อินเตอร์เนชั่นเนล เอเชีย เเปซิฟิก เปิดเผยถึงความคืบหน้า
ในการเปลี่ยนบัตรชำระเงิน จากแถบแม่เหล็ก เป็นแบบติดชิพ ภายใต้มาตรฐานอีเอ็มวี (europay-mastercard-visa) ที่ได้เริ่มดำเนินการในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2545
โดยร่วมกับลูกค้าสมาชิก ที่เป็นสถาบันการเงินผู้ให้บริการ นั้น จนถึงขณะนี้สถาบันการเงินส่วนใหญ่มีความพร้อมที่จะใช้ระบบดังกล่าวประมาณ
90% โดยคาดว่าจะเริ่มใช้ได้ ประมาณปลายปีนี้
หรืออย่างช้าต้นปี 2548
ปัจจุบันมีบัตรชำระเงินติดชิพอีเอ็มวีของวีซ่าแล้ว
100 ล้านใบ ซึ่งในจำนวนนี้เป็นบัตรที่ออกใช้ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกประมาณ 20 ล้านใบ และมีการติดตั้งเครื่องรับบัตรอีเอ็มวี
2 ล้านแห่งทั่วโลก โดยในจำนวนนี้ประมาณ 270,000 แห่ง เป็นเครื่องรับบัตรที่ติดตั้งใน 12 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และคาดว่า บัตรดังกล่าวจะออกใช้ทั่วโลกกว่า 160 ล้านใบ และเครื่องรับบัตรติดชิพอีเอ็มวี ณ จุดขายประมาณ 4 ล้านเครื่องภายในสิ้นปี 2547 นายสมบูรณ์ กล่าวว่า
ในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้เริ่มเปลี่ยนรูปแบบการรับบัตร เช่น การติดตั้งเครื่องรับบัตรชิพการ์ดตามร้านค้า
จนถึงขณะนี้มีร้านค้าในประเทศสามารถรองรับบัตรชิพการ์ดได้แล้ว 21,000 ร้านค้า โดยเฉพาะร้านค้าที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยว
และร้านค้าที่มียอดขายสูง โดยในช่วงแรกการเตรียมความพร้อมของการทำรายการจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่นำบัตรชำระเงินติดชิพอีเอ็มวีมาใช้ในไทย
ซึ่งบัตรดังกล่าวจะมีความสะดวกและความปลอดภัยมากกว่าบัตรชำระเงินที่ใช้แถบแม่เหล็ก
สำหรับตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้สอยในประเทศส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรป
โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากอังกฤษ และฝรั่งเศส รวมทั้งนักท่องเที่ยวจากประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งประเทศเหล่านี้เริ่มมีการใช้บัตรชิพการ์ดแล้วโดยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวในไทยจำนวน 30%
ได้ใช้บัตรชำระเงินอีเอ็มวี มาทำรายการในประเทศไทย
ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ชาวต่างประเทศเดินทางมาท่องเที่ยวมาจำนวนมาก
และมีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในระบบที่ติดชิพ ดังนั้น จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงระบบเพื่อรองรับ
รวมทั้งระบบชิพจะป้องกันการปลอมแปลงและขโมยข้อมูลได้ และประหยัดต้นทุนลูกค้าสมาชิก
เพราะชิพการ์ดสามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่าแบบแถบแม่เหล็ก ทำให้ทำหน้าที่ได้มากกว่าการเป็นบัตรเครดิต
แต่สามารถพัฒนาให้เป็นเอทีเอ็ม บัตรเดบิตได้ในใบเดียว และบัตรโดยสารรถไฟฟ้าได้
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนจุดรับบัตรตามร้านค้าให้สามารถรับบัตรชำระเงินระบบชิพได้นั้น
ขึ้นอยู่กับธนาคารพาณิชย์จะเป็นผู้พิจารณาว่าแหล่งใดควรจะเร่งการเปลี่ยนจุดรับบัตร
แล้วค่อยทยอยเปลี่ยนแต่คาดว่าจะใช้เวลา 5-6 ปีจะสามารถเปลี่ยนจากบัตรชำระเงินจากแถบแม่เหล็กเป็นชิพการ์ดได้
และจะทำได้เพียง 80% ของจำนวนบัตรเท่านั้น
โดยปัจจุบันบัตรชำระเงินภายใต้แบรนด์วีซ่า มีประมาณ 11 ล้านใบ
นายสมบูรณ์ กล่าวต่อว่า บัตรชำระเงินอีเอ็มวี สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้
โดยธนาคารผู้ออกบัตรสามารถรวบรวมระบบการใช้งานที่หลากหลายไว้ในชิพเพียงอันเดียว เพื่อสนองความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้า
สำหรับในประเทศไทยมีความคืบหน้าที่น่าพอใจ โดยที่วีซ่าตั้งเป้าที่จะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบบัตรชำระเงินสู่บัตรติดชิพอีเอ็มวีที่สมบูรณ์
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 23 มิถุนายน
2547
|