บ.ไฮเทคผุดทัชแพดมือถือตรวจเข้มลายนิ้วมือ
แอททรู เปิดตัว ทัชแพดมือถือ
ติดตั้งเทคโนโลยีจดจำลายนิ้วมือ ชี้นอกจากช่วยผู้ใช้ควบคุมและค้นหาทางเข้าไปสู่ข้อมูลในโทรศัพท์ได้ด้วยปลายนิ้วสัมผัสแล้ว
ยังเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางเครือข่ายไร้สาย และช่วยให้การลงทะเบียนใช้งานเวบไซต์ทำได้ง่ายขึ้น
ขณะที่ประกาศเดินสายพานการผลิตได้ช่วงไตรมาสสอง พร้อมคาดวางตลาดได้ภายในสิ้นปี
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า บริษัทแอททรู
เทคโนโลยีส์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนจากธุรกิจในเครือด้านการลงทุนของบริษัทอีริคสัน
บริษัทโนเกีย และบริษัทอินเทล คอร์ป. เปิดตัว "แอททรู
วิงส์" (Atrua Wings) ทัชแพดโทรศัพท์มือถือ
ซึ่งทำงานคล้ายกับทัชแพดบนคอมพิวเตอร์แล็บทอป ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลื่อนขึ้นลงและเลือกรายการบนเมนูได้จากการสัมผัสด้วยนิ้ว
นายมาร์ค ออสโทรวสกี้ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด
บริษัทแอททรู เปิดเผยว่า อุปกรณ์ตัวใหม่นี้ จะทำหน้าที่แทนปุ่มนาวิเกชั่น
โดยเป็นโซลูชั่นที่อิงกับการสัมผัส สำหรับใช้ควบคุมและค้นหาทางเข้าไปสู่ข้อมูลของโทรศัพท์มือถือ
พร้อมเสริมว่า อุปกรณ์รับส่งสัญญาณ (Sensor) ประเภทเดียวกันที่ใช้กับทัชแพดของคอมพิวเตอร์แล็บทอป
จะทำหน้าที่เป็นตัวอ่านลายนิ้วมือ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของการทำธุรกรรมผ่านเครือข่ายไร้สาย
และช่วยให้กระบวนการลงทะเบียนเข้าใช้งานเวบไซต์ทำได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ ตัวแทนบริษัทแอททรู เปิดเผยว่า
ทางบริษัทจะเริ่มผลิตอุปกรณ์ที่ว่านี้ ในช่วงไตรมาสสอง ส่วนโทรศัพท์มือถือที่บรรจุเทคโนโลยีวิงส์ดังกล่าวอยู่ในตัวเครื่อง
จะวางตลาดได้ประมาณสิ้นปี แต่ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับบริษัทคู่ค้า โดยกล่าวเพียงว่า
ทางแอททรูได้ทำสัญญากับค่ายผลิตมือถือ เพื่อนำเทคโนโลยีตัวนี้ ไปใช้ในการผลิตเครื่องโทรศัพท์มือถือที่จะวางจำหน่ายในปีนี้แล้ว
นอกเหนือจากคุณสมบัติด้านความปลอดภัยและนาวิเกชั่นแล้ว
บริษัทแอททรูยังยืนยันด้วยว่า เทคโนโลยีของทางบริษัท เป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับใช้เล่นเกมบนมือถือ
และเป็นวิธีการเพิ่มรายได้ให้กับบรรดาผู้ให้บริการด้วย
"ปัญหาใหญ่ที่สุดในขณะนี้ คือ
ผู้ให้บริการเครือข่ายในตลาดที่อิ่มตัวแล้ว ไม่ได้คาดหวังจะอาศัยการเพิ่มจำนวนขึ้นของสมาชิกใหม่
เพื่อการเติบโตของทางบริษัทในอนาคต" นายแอนโธนี
หัวหน้าฝ่ายบริหารบริษัทแอททรู กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทแอททรู ซึ่งก่อตั้งขึ้นในซิลิคอน
วัลเลย์ เมื่อปี 2543 นั้น ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสิทธิบัตรเทคโนโลยีไปแล้ว 11 รายการ
ที่มา
: กรุงเทพธุรกิจ
ฉบับวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2547
|