ทีเมค ย้ำผลิตสมาร์ทการ์ดในปท. คืนทุนใน 5 ปี
ทีเมค ชงเรื่องสมาร์ทการ์ดเสนอไอซีทีอีกระลอก ย้ำชัดผลิตสมาร์ทการ์ดในประเทศไม่ลงทุนสูง-ทำได้จริง
ประกาศคืนทุนใน 5 ปี
นายอิทธิ ฤทธาภรณ์
ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ทีเมค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
(สวทช.) กล่าวว่า บริษัทเตรียมยื่นหนังสือชี้แจงกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
(ไอซีที) เพื่อยืนยันว่า
หากสนับสนุนให้มีการผลิตชิพสมาร์ทการ์ดในประเทศไทย จะสามารถคุ้มทุนได้ใน 5 ปี โดยมีต้นทุนการผลิตไมโครชิพในโครงการบัตรประชาชนอเนกประสงค์บัตรละ 72 บาท จากเครื่องจักรเวเฟอร์ 8 นิ้ว หรือ 65 บาท หากใช้เครื่องจักรเวเฟอร์ 6 นิ้ว "โรงงานผลิตชิพนี้ไม่ได้ใช้เงินลงทุนสูงอย่างที่เข้าใจ เพราะเป็นการจัดซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติมเพื่อขยายศักยภาพเทคโนโลยี
และกำหนดให้มีการถ่ายโอนเทคโนโลยีจากผู้ผลิตต่างชาติ" นายอิทธิ
กล่าว
นอกจากนี้ บัตรประชาชนสมาร์ทการ์ด
ยังเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ ที่ควรจะผลิตในประเทศ
และทำให้ไทยสามารถออกแบบและรู้รายละเอียดภายในชิพ ซึ่งเป็นเรื่องสําคัญของการรักษาความลับและข้อมูลของประเทศ
ทั้งนี้ ปัจจุบันศูนย์อยู่ระหว่างเสนอของบประมาณ 1,534 ล้านบาท สําหรับเครื่องจักรการผลิตไมโครชิพที่ต้องซื้อเพิ่มเติม
รวมทั้งงบสําหรับค่าเทคโนโลยีการผลิตไมโครชิพสมาร์ทการ์ด โดยมีเป้าหมายจะผลิตไมโครชิพเวเฟอร?ขนาด 6 นิ้ว และเทคโนโลยีระดับ 0.5 ไมครอน ตั้งแต่เดือนมีนาคม และมีกําลังการผลิตเดือนละ 500-1,000 เวเฟอร์ได้ด้วย หรือเทียบเท่ากับสมาร์ทการ์ดไมโครชิพ 6-12 ล้านชิ้นต่อปี
ปัจจุบันบริษัทผู้ผลิตชิพสมาร์ทการ์ดระดับโลก 3 ราย ได้แก่
โตชิบา โอกิ และเรเนแซส (Renesas) ได้เสนอตัวการซื้อคืน 50% ของกําลังการผลิตในโรงงาน เพื่อยืนยันคุณภาพของไมโครชิพว่ามีมาตรฐานระดับโลก
"แนวคิดการลงทุนของศูนย์นี้
จะทำให้เอกชนที่เข้าประมูลและต่างชาติ ไม่ต้องลงทุนสร้างโรงงานเอง
เพราะยากที่จะเป็นไปได้ จากการลงทุนต้องใช้เงินหลายหมื่นล้านบาท และใช้เวลาประมาณ 1.5-2 ปี" นายอิทธิ กล่าว นอกจากนี้ การจัดตั้งโรงงานผลิตชิพดังกล่าวในประเทศไทย
ยังช่วยสร้างบุคลากรสาขาอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญ ในการสร้างอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ต่อไป
ที่มา
: กรุงเทพธุรกิจ
ฉบับวันที่ 8 มีนาคม 2547
|