สวทช. เล็งร่วมมือญี่ปุ่นส่งชิพป้อนสมาร์ทการ์ด
สวทช. เล็งผนึกบริษัทญี่ปุ่น
ผลิตชิพป้อนโครงการสมาร์ทการ์ด ลุ้น ครม. อนุมัติตั้งโรงงานผลิตไมโครชิพมูลค่า
1,500 ล้านบาท ด้านไอซีที เตือนให้แจงบิสซิเนส โมเดลก่อน
คาดต้นทุนผู้ผลิตต่างชาติอาจถูกกว่า
นายไพรัช ธัชยพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
(สวทช.)
กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทญี่ปุ่น 3 ราย คือ โอกิ,
โตชิบา และเรอเนสซัส ตอบรับกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ที่จะจัดตั้งความร่วมมือกับ สวทช. เพื่อผลิตชิพสำหรับสมาร์ทการ์ด
หากบริษัทใดบริษัทหนึ่งชนะประมูลโครงการบัตรประชาชนอเนกประสงค์ (สมาร์ทการ์ด) โดยโครงการดังกล่าว อยู่ระหว่างดำเนินงานโดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
(ไอซีที) ซึ่งระบุเงื่อนไขว่าบริษัทผู้ผลิตชิพต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีให้
สวทช.
ลุ้นผล ครม. อนุมัติสร้างรง.
ทั้งนี้ สวทช. กำลังรอการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
เพื่อขออนุมัติงบประมาณตั้งโรงงานผลิตชิพมูลค่า 1,500
ล้านบาทในไทย หากได้รับอนุมัติจะสามารถก่อสร้างโรงงาน และผลิตชิพได้ภายใน 9 เดือน สำหรับการผลิตไมโครชิพครั้งนี้
จะหนุนนโยบายประเทศที่มุ่งอนาคตสู่นาโนเทคโนโลยี และต้องการให้ไมโครชิพมีต้นทุนต่ำกว่านำเข้า
โดยเขายอมรับว่า หากคงเข้าประมูลรอบแรกไม่ทัน แต่จะร่วมจับมือพันธมิตรสำหรับสมาร์ทการ์ด
ในส่วนของโครงการล็อตต่อไปจำนวน 40 ล้านใบต่อไป
"หลังทำวิจัยในห้องแล็บ ระดับเวิลด์คลาสมาแล้ว
ถึงทำโรงงานผลิตขนาดใหญ่ไม่ได้ แต่ขยายทำเชิงการค้าได้ ระดับกำลังผลิต 10-12 ล้านใบต่อปี ต้นทุนใบละ 65 หรือ 72 บาทขึ้นกับจำนวน" นายไพรัชกล่าว นอกจากนี้
ยังอาจลดต้นทุนให้ต่ำกว่านี้ได้ หากรัฐบาลไม่คิดค่าเสื่อมหรือนำเงินคืน ซึ่งจะทำให้สามารถลดราคาแข่งขันกับต่างชาติรายใหญ่ได้
ไอซีที เมินแผนตั้งรง.
ด้าน น.พ.สุรพงษ์
สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที กล่าวว่า การจัดตั้งโรงงานผลิตไมโครชิพในไทย
สวทช. ต้องชี้แจง ครม. ถึงแผน หรือรูปแบบทางธุรกิจได้
ไม่ใช่ตั้งโรงงานขึ้นมาเพื่อรองรับเฉพาะโครงการสมาร์ทการ์ดของรัฐเท่านั้น โดยควรมีแผนธุรกิจชัดเจนว่าจะหาลูกค้าจากที่ใด
อย่างไร เพื่อไม่ให้ต้นทุนการผลิตสูงกว่าผู้ผลิตต่างชาติ และไม่ให้เกิดหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) ในอนาคต โดยส่วนตัวเห็นว่า สวทช. ควรดำเนินการในสิ่งที่ถนัด คืองานวิจัยจะดีกว่ามาจัดตั้งโรงงานด้วย
"หาก สวทช. มีลูกค้าเฉพาะรัฐ
การผลิตเต็มที่ 60 ล้านใบ 1 เดือนก็ผลิตเสร็จแล้ว
และที่เหลืออีก 11 เดือน จะทำอย่างไร สวทช. ต้องแจกแจงใน ครม. ให้ได้ด้วย และหากเราผลิตเองแล้วได้ต้นทุนสูงกว่า
จะตอบคำถามนี้ได้อย่างไร" น.พ.สุรพงษ์กล่าว
ที่มา
: กรุงเทพธุรกิจ
ฉบับวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2547
|