กนอ. ก้าวสู่ผู้ให้บริการผ่านเครือข่ายไอทีตามแผน 3 ปี
ประเดิมกลุ่มผู้ประกอบการโรงงาน
ที่เข้ามาลงทุนในไทย หลังปรับระบบงานทั้งฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์
รวมถึงบุคลากร ก่อนในขั้นแรก
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ปูแผนระยะยาวก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการระบบไอที
ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต กับผู้ประกอบการโรงงานที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย
หลังปรับโฉมระบบงานทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบุคลากร ตามแผนแม่บทไอที 3 ปี ที่จะสิ้นสุดในปีงบประมาณ 2547
นางอัญชลี ชวนิชย์ ผู้ว่าการ
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า ปัจจุบัน กนอ.
ตัดสินใจปรับลดระยะเวลา และเร่งรัดการดำเนินงานตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศ
(ไอที) ของ กนอ. จากที่กำหนดไว้เดิม
5 ปี (ปีงบประมาณ 2544-2548) มาเป็นแผนงาน 3 ปี (ปีงบประมาณ
2545-2547) โดยแผนแม่บทดังกล่าว จะครอบคลุมการปรับเปลี่ยน และยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของ
กนอ. ทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบุคลากร
เพื่อสร้างความพร้อมของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแห่งนี้ ให้ก้าวเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการด้านต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการขออนุญาต และเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมรวม 29 แห่ง ในปัจจุบัน ผ่านเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร รวมถึงขยายสู่การเป็นผู้ให้บริการด้านระบบไอที
ในรูปแบบเอาท์ซอร์สซิ่ง ให้แก่ผู้ประกอบการที่สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยในระยะยาว
ซึ่งนอกเหนือจากจะมีพื้นที่ และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสาธารณูปโภคแล้ว ยังสามารถใช้งานระบบไอทีที่
กนอ. เตรียมความพร้อมไว้ให้แล้วได้ทันที โดยเพียงแต่เสียบปลั๊ก
(plug in) เข้าไปที่ระบบเท่านั้น
ส่วนของแผนงานที่จะก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการเอาท์ซอร์สซิ่งนั้น
กนอ. ได้เตรียมความพร้อมในส่วนขององค์กร และบุคลากรไว้ส่วนหนึ่งแล้ว ได้แก่ การเข้าถือหุ้น
35% ในบริษัท ไออีซี เทคโนโลยี จำกัด (ไออีซีที)
ซึ่งเป็นผู้ให้บริการระบบงานไอที ในกลุ่มของบริษัท
อินเตอร์แนชั่นเนิล เอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือไออีซี ขณะที่ การให้บริการเอาท์ซอร์สซิ่งในงานด้านอื่นๆ
นอกเหนือจากไอทีนั้น ที่ผ่านมา กนอ. ได้เข้าไปถือหุ้นในเอกชนเช่นกัน
ได้แก่ ถือหุ้นในบริษัท เจนโก้ ซึ่งรับกำจัดของเสียจากอุตสาหกรรม เป็นต้น
6 แผนงานหลักหนุนสู่เป้าหมาย
นายปัญญา ส่งเจริญ
ผู้อำนวยการศูนย์คอมพิวเตอร์และสารสนเทศประยุกต์ ของ กนอ. กล่าวว่า
แผนแม่บทไอทีของ กนอ. จะแบ่งการดำเนินงานเป็น 6 แผนงานหลัก เพื่อรองรับเป้าหมายตั้งแต่เตรียมความพร้อมภายใต้แนวคิด "3+1"
ครอบคลุม 3 งานหลักด้านฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์, คลังข้อมูล ตลอดจนความพร้อมของบุคลากร เพื่อสร้างศักยภาพในการให้บริการผ่านอิเล็กทรอนิกส์
(อี-เซอร์วิส) แผนงานดังกล่าว
ประกอบด้วย
1. แผนงานหลักระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์องค์กร
รองรับการเชื่อมโยงข้อมูล และการปฏิบัติงานของ กนอ. แบ่งเป็น
การติดตั้งระบบแลน ในสำนักงานใหญ่ และนิคมอุตสาหกรรม 9
แห่งของ กนอ. และอีก 20 แห่งที่ กนอ.
ร่วมบริหารกับเอกชน, งานติดตั้งระบบแวน เพื่อเชื่อมโยงการสื่อสารระหว่างสำนักงานต่างๆ
และสำนักงานใหญ่ สนับสนุนการเข้าใช้ข้อมูลร่วมกันผ่านระบบไดอัล-อัพ
2. แผนงานหลักระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อนำเทคโนโลยีด้านอินเทอร์เน็ต
มาสนับสนุนด้านการให้บริการข้อมูลข่าวสาร และการตลาดของ กนอ.
3. แผนงานหลักระบบสารสนเทศการพัฒนาและปฏิบัติการ
ซึ่งในส่วนนี้จะมุ่งสนับสนุน และพัฒนาการบริหารงานภายใน รวมทั้งลงทุนในด้านซอฟต์แวร์ที่พร้อมรองรับความต้องการเฉพาะรายของลูกค้า
(คัสตอม เมด) ได้ในระยะต่อไป
4. แผนงานหลักระบบสารสนเทศและบริหารงานทั่วไป
โดยจะมีการจัดทำระบบงาน 9 ระบบหลัก ที่ผู้บริหารจำเป็นต้องใช้ประกอบการบริหารงาน
5. แผนงานหลักระบบคลังข้อมูล
โดยจะตั้งเครื่องแม่ข่ายกลางไว้ที่ กนอ. เพื่อเชื่อมโยงฐานข้อมูลต่างๆ
รวมถึงข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นจากโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 29 แห่งเข้ามา เพื่อใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์ทางสถิติ
และวางแผนประกอบการตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม ระบบนี้จะแล้วเสร็จสมบูรณ์ต่อเมื่อแผนหลักอื่นติดตั้งแล้วเสร็จ
6. แผนงานหลักการพัฒนาบุคลากร
ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นโครงการต่อเนื่อง เพื่อฝึกอบรมบุคลากรของ กนอ. นำไอทีมาใช้ในการพัฒนาองค์กรได้
บริการอี-เซอร์วิส จาก กนอ.
นายไพโรจน์ กล่าวว่า ในส่วนของแผนงานหลักที่สองนั้น
จะเริ่มตั้งแต่ปรับปรุงเวบไซต์ของ กนอ. หรือ www.ieat.go.th ให้เป็นรูปแบบของไดนามิก เวบ พับลิชชิ่ง
โดยมีวิธีการแก้ไขข้อมูลอย่างต่อเนื่อง การจัดทำระบบอี-แค็ตตาล็อก
เพื่อจัดวางระบบ และรวบรวมข้อมูลสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (จีไอเอส)
นำเสนอผ่านเวบไซต์ และเชื่อมโยงไปยังฐานข้อมูลอื่นๆ
ที่เอื้อประโยชน์ต่อนักลงทุน ในการพิจารณาหาพื้นที่เหมาะสมในการลงทุน, ตรวจสอบ และจองพื้นที่ผ่านเวบไซต์ การจัดทำระบบอี-เซอร์วิส
โดยวางระบบที่สนับสนุนการใช้บริการกรอกคำร้องต่างๆ ในการขออนุญาตผ่านเวบไซต์
ซึ่งในช่วงแรกอาจยังต้องให้ผู้ใช้บริการ พิมพ์แบบฟอร์มที่ผ่านการอนุมัติความถูกต้องแล้ว
เพื่อนำมายื่นขออนุมัติที่ กนอ. ในขั้นสุดท้าย อย่างไรก็ตาม
หลัง พ.ร.บ. ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการแล้ว อาจเปิดกว้างให้ใช้รูปแบบดังกล่าว เฉพาะในการขอตั้งโรงงานครั้งแรก
แต่ในกรณีต่ออายุใบอนุญาต อาจเปิดให้ดำเนินคำร้องผ่านเวบไซต์ได้
ที่มา
: กรุงเทพธุรกิจ
ฉบับวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2545
|