หอญี่ปุ่นเผยผลวิจัยศก.ไทยครึ่งปีหลัง เงินลงทุนพุ่งพรวด-รถยนต์ขยายตัวลิ่ว
นายอัทสุโอะ
คุโรดะ ประธานเจโทร กรุงเทพฯ [JETRO Bangkok] ร่วมกับหอการค้าญี่ปุ่น กรุงเทพฯ จัดแถลงข่าวผลการสำรวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย
ปี 2546 ที่ได้สำรวจในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนว่า
ในครึ่งปีแรกของปี (มกราคม-มิถุนายน)
สภาวะทางเศรษฐ กิจโดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ดีขึ้น
โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการผลิต ที่แสดงแนวโน้มการปรับตัวที่ดีขึ้น
แต่ยกเว้นอุตสาหกรรมสิ่งทอ โดยมีผู้ประ กอบการตอบว่า สภาวะทางธุรกิจ "กำลังดีขึ้น" ถึง 47%
และตอบว่า "แย่ลง" เพียง 23%
แสดงว่าสภาวะทางธุรกิจยังอยู่ในแนวโน้มที่ดี
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังปี (กรกฎาคม-ธันวาคม) พบว่า มีผู้ประกอบการตอบว่าสภาวะทางธุรกิจ "จะดีขึ้น" ถึง 43% "จะแย่ลง"
18% จึงมีการคาดการณ์กันว่า เศรษฐกิจไทยจะยังคงมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไป
ซึ่งหากพิจารณาความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรมในแต่ละประเภทจะพบว่า ยังคงมีการปรับตัวไปในทางที่ดี
โดยจำนวนเงินลงทุนในอุตสาหรรมการผลิตที่ตั้งไว้สำหรับรอบปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 22.3%
เมื่อ เทียบกับรอบปี 2545 ซึ่งกว่า 50%
ของจำนวนเงินลงทุนที่สูงขึ้นเป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรเพื่อการขนส่ง
(รถยนต์) โดยในปีนี้อัตราการขยายตัวของอุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรเพื่อการขนส่งมีถึง
84.7%
นายคุโรดะกล่าวว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมในปัจจุบันจึงเหมือนกับรูปพีระมิด
กล่าวคือ อุตสา หกรรมที่มีการขยายตัวมากที่สุดจะได้แก่
อุตสาหกรรมรถยนต์และการผลิตรถยนต์ โดยเฉพาะตลาดรถปิกอัพ ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก
และในอนาคตจะมีการลงทุนในอุตสาหกรรมรถ ยนต์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องประเภทอื่นเช่นเหล็ก
เคมีภัณฑ์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมที่ยังมีปัญหาอยู่คืออุตสาหกรรมสิ่งทอ
ซึ่งปัญหาหลักมาจากการแข่งขันกับจีน เนื่องจากจีนมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า ซึ่งนายคุโรดะเสนอว่า
อุตสาหกรรมสิ่งทอทั้งของไทยและของบริษัทญี่ปุ่นจะต้องมีการพัฒนามูลค่าเพิ่มให้สูงขึ้น
เนื่องจากในปัจจุบันจะไม่สามารถแข่งขันในด้านราคาเพียงอย่างเดียวได้ ทั้งนี้จะต้องมีการเพิ่มคุณภาพและ
fashion sense เพื่อการส่งออกไปยังประเทศที่พัฒนาแล้วด้วย
นอกจากนี้ยังได้มีการสำรวจถึงการคาดการณ์ตลาดการส่งออกที่สำคัญ พบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่คาดว่า
ตลาดญี่ปุ่น สหรัฐ อาเซียนและยุโรปจะมีแนวโน้ม "คงที่"
แต่จะมีเฉพาะตลาดจีนเท่านั้นที่มีแนวโน้ม "ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง" โดยแนวโน้มการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้
เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน พบว่าการส่งออกจะ "เพิ่มสูงขึ้น" ถึง 46% สำหรับแนวโน้มการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลัง
ผู้ประกอบการ 51% ตอบว่าแนวโน้มการส่งออกตลอดทั้งปีจะ "เพิ่มสูงขึ้น" โดยส่วนใหญ่จะระบุว่า
"เพิ่มสูงขึ้น 10-20%"
ทั้งนี้ ปัญหาสำคัญที่บริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในไทยต้องการให้ไทยเร่งแก้ไขคือการปรับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้ดีขึ้นเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับสินค้าจีน
ที่มา
: ประชาชาติธุรกิจ
ฉบับวันที่ 28 กรกฎาคม 2546
|