ผู้ค้าไอทีเชื่อผลงานครึ่งปีหลังฉุดตลาดไอทีโต 20%
ได้ปัจจัยหนุน คอมพิวเตอร์ไอซีที - อี-กอฟเวิร์นเม้นท์ - สนามบินแห่งใหม่
เซียนไอที ชี้ไอทีครึ่งปีหลัง ฉุดตลาดทั้งปีโต 20% ขณะที่บริษัทวิจัยเออาร์ ชี้แนวโน้มตลาดพีซี 5
ปีข้างหน้าโตเฉลี่ย 15% ระบุโครงการคอมพิวเตอร์ไอซีที -
อี-กอฟเวิร์นเม้นท์ - สนามบินแห่งใหม่ปัจจัยหนุน
นายมินทร์ อิงค์ธเนศ ประธานบริหาร บริษัท
เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน) ผู้คร่ำหวอดในวงการไอที กล่าวว่า
ช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มการใช้จ่ายไอทีจะมีความสดใส อัตราเติบโต 15-20% มากกว่าที่หลายสำนักวิจัยคาดการณ์ไว้ 12% โดยครึ่งปีหลังมีปัจจัยบวก
ทั้งเศรษฐกิจที่เติบโตจากดัชนีการโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ และอสังหาริมทรัพย์
ทำให้กำลังซื้อผู้บริโภคสูงขึ้น
นอกจากนี้เทคโนโลยีสารสนเทศเอง ปัจจุบันกลายเป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขัน
เป็นผู้ช่วยส่วนบุคคล (เพอร์ซันนัล แอสซิสเทนท์) และให้ความบันเทิง อีกทั้งโครงการประมูลภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจมีมากขึ้น
ทั้งของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้าฝ่ายผลิต และการไฟฟ้านครหลวง และภาคธนาคาร
ด้านนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ
บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวสอดคล้องกันว่า ตลาดไอทีครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรกที่ประเมินจากสถานการณ์ตลาดโดยรวม
และผลสำรวจของสำนักวิจัยต่างๆ
ขณะเดียวกัน
ไอบีเอ็มเองในครึ่งปีหลังก็เริ่มเปลี่ยนมุมทางการตลาด โดยเข้าหาลูกค้า
และเพิ่มสิ่งที่ลูกค้าต้องการมากขึ้น ทั้งมีคลินิกไอที หรือโครงการตรวจสุขภาพธุรกิจ
(ไอบีเอ็ม
บิสซิเนส แอสเสสเม้นต์ คลินิก) ที่ร่วมกับพันธมิตรเข้ามาช่วยวิเคราะห์สุขภาพธุรกิจลูกค้าระดับเอสเอ็มอี
ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของการดึงลูกค้ากลุ่มนี้มาสนใจลงทุนด้านไอที
เออาร์ชี้ 5 ปี โตเฉลี่ย 15%
ทั้งนี้ความเห็นดังกล่าวล้วนสอดคล้องกับข้อมูลจากการวิจัย
แอดวานซ์ รีเสิร์ช
(เออาร์) ที่ระบุว่า แนวโน้มอัตราเติบโตพีซี
ปี 2546-2550 เฉลี่ย 15% ส่วนปีนี้คาดการณ์ไว้จำนวน
1,270,699 เครื่อง เติบโตจากปีที่แล้วซึ่งมีจำนวน
778,654 เครื่อง อยู่ 63% คิดเป็นมูลค่า 846.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยประมาณดังกล่าวเป็นข้อมูลที่อัพเดทในเดือนพฤษภาคม
ที่ผ่านมา โดยเออาร์
มองว่าปัจจัยบวกของการเติบโตอยู่ที่การกระตุ้นความต้องการของผู้ใช้ ประกอบด้วย
โครงการคอมพิวเตอร์ไอซีที ซึ่งเน้นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและโน้ตบุ๊คราคาประหยัด
จำนวน 1 ล้านเครื่อง ซึ่งจะส่งผลไปถึงปี 2549 กระนั้นเคยมีบางประเทศ เช่น เกาหลี และมาเลเซีย ทำมาก่อนแล้ว
และประสบปัญหาทางปฏิบัติ ส่วนของไทยก็อาจมีข้อจำกัดการเติบโตด้วย
นอกจากนี้ โครงการรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (อี-กอฟเวิร์นเม้นท์) ที่คาดว่าจะมีเครื่องคอมพิวเตอร์ต้องใช้ในโครงการ
ประมาณ 200,000 เครื่อง ตั้งแต่ปี 2546-2548 ซึ่งจะส่งผลกระทบตรงต่อเครื่องตั้งโต๊ะระดับองค์กร และเครื่องคอมพิวเตอร์พกพาด้วย
อีกทั้งยังมีโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ ที่จะสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ต้องใช้พีซี
10,000 เครื่อง ตั้งแต่ปี 2546-2548
โดยจะมีการส่งมอบเครื่องสูงสุดในปี 2547
อันจะส่งผลบวกกับเครื่องพีซีที่ใช้งานเชิงพาณิชย์ (คอมเมอร์เชียลพีซี)
ในช่วงตลอด 3 ปีของโครงการ
บริการ-เน็ต-อีเมลช่วยดัน
รายงานของเออาร์ ระบุด้วยว่า
ด้านเทคโนโลยีและบริการนั้น อินเทอร์เน็ตและอีเมล จะเป็นบริการหลักที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นเครื่องมือสำคัญการสื่อสารและผลักดันการเติบโตของพีซี
และราคาเครื่องที่ปรับลดลงโดยเฉพาะคอมพิวเตอร์พกพาที่ราคาจะขยับมาใกล้กับเครื่องตั้งโต๊ะมากขึ้น
เพราะราคาจอแอลซีดีลดลง
ประกอบกับแนวโน้มของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สาย
(WLAN) โดยเฉพาะเทคโนโลยีเซนทริโนของอินเทล จะกระตุ้นการซื้อคอมพิวเตอร์พกพา กระนั้น
ต้องขึ้นกับขอบเขตการให้บริการครอบคลุมกว้างขวางแพร่หลาย และให้เข้าถึงการใช้บริการได้ง่าย
โดยเฉพาะจุดเชื่อมต่อสาธารณะและในองค์กร (พับลิค/คอร์ปอเรท ฮอทสปอต) ส่วนการซื้อเครื่องพีซีเพื่อทดแทนเครื่องเก่าที่มีการใช้งานมานานคงจะมีไม่มากนัก
เพราะองค์กรส่วนมาก จะเน้นการซื้อเครื่องใหม่ "เท่าที่จำเป็น"
ในรายงานวิเคราะห์ตลาดไอทีของบริษัทเดียวกัน
ระบุว่า ตลาดผู้ใช้ตามบ้านจะเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนการใช้งานเครื่องพีซี 52.3% รองลงมาเป็นธุรกิจขนาดใหญ่
13.1% ธุรกิจขนาดกลาง 9.7% ภาครัฐ 8.4% ธุรกิจขนาดเล็ก 7.6% สำนักงานขนาดเล็ก 4.8% และการศึกษา 4.1%
ที่มา
: กรุงเทพธุรกิจ
ฉบับวันที่ 30 กรกฎาคม 2546
|