อินเทล ออกซีพียูใหม่ รับตลาดนิยมใช้ข้อมูลดิจิทัลเพิ่ม
อินเทล เปิดตัวเพนเทียม 4 ความเร็ว 3.06 กิกะเฮิรตซ์ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเกือบเทียบเท่าซีพียู 2 เครื่องพร้อมกัน เชื่อเป็นมาตรฐานคอมพิวเตอร์ในปลายปีหน้า
หลังพฤติกรรมผู้บริโภคนิยมใช้งาน 2 แอพพลิเคชั่นพร้อมกัน
จับมือ 8 แบรนด์รุกตลาดไทยปลายปีนี้
นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ
บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด
กล่าวว่า บริษัทเปิดตัวตัวประมวลผล (ซีพียู) ใหม่รุ่นเพนเทียม 4 ความเร็ว 3.06 กิกะเฮิรตซ์ ซึ่งมีจุดเด่นของเทคโนโลยีไฮเปอร์เทรดดิ้ง ที่จะช่วยเพิ่มความเร็วในการทำงานเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ
25% จากตัวประมวลผลรุ่นเดียวกันที่ไม่ได้เลือกใช้เทคโนโลยีนี้
โดยหลักการทำงานคือ เมื่อเลือกใช้เทคโนโลยีนี้ ระบบปฏิบัติการ (โอเอส) และแอพพลิเคชั่นจะเข้าใจว่ามีโปรเซสเซอร์ 2 ตัว ทำงานพร้อมกัน ทำให้สามารถใช้แอพพลิเคชั่นมากกว่า 2 ชนิด พร้อมกันได้ โดยไม่กระทบกับความสามารถในการประมวลผล ต่างจากรูปแบบเดิมที่ต้องแบ่งเวลาการทำงานของซีพียูตัวเดียว
ทั้งนี้ เขาเชื่อว่าเทคโนโลยีดังกล่าว จะกลายเป็นแกนหลักในการพัฒนาซีพียูรุ่นต่อไปในปีหน้า
และเป็นเทคโนโลยีหลัก (เมนสตรีม) ของระบบประมวลผลบนเครื่องคอมพิวเตอร์ภายในปลายปีหน้า
หรือต้นปี 2547 ตามการเปลี่ยนแปลงด้านราคาของตลาด โดยมีแรงผลักดันจากรูปแบบการใช้งานของผู้บริโภคที่เพิ่มการใช้เนื้อหาดิจิทัลมากขึ้น
รวมถึงความต้องการเพิ่มคุณภาพของเครื่องให้สูงขึ้น
ขณะเดียวกัน จากการสำรวจของบริษัท พบว่า ปัจจุบันทั่วโลกมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วซีพียู
ประมาณ 500-750 เมกะเฮิรตซ์ จำนวนประมาณ 400-450 ล้านเครื่อง ซึ่งกลุ่มเหล่านี้ต้องการเปลี่ยนเครื่องรุ่นใหม่
ทำให้ซีพียูใหม่และเทคโนโลยีนี้ได้รับการยอมรับมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีหลัก
4 ด้านเป็นตัวผลักดันเสริม ได้แก่ เทคโนโลยีเวบเซอร์วิส ที่เน้นการทำงานร่วมกันและการทำงานแบบมัลติทาสก์
ที่เปิดใช้งานแอพพลิเคชั่นพร้อมกันจำนวนมาก, การเล่นเกมออนไลน์,
การใช้แอพพลิเคชั่นประเภทอี-เลิร์นนิ่ง
ซึ่งจะเติบโตขึ้นอย่างมากภายในระยะเวลา 2 ปีข้างหน้าตามข้อมูลของไอดีซี
รวมถึงการทำธุรกรรมผ่านสื่อออนไลน์ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการใช้งานซีพียูรุ่นดังกล่าวจะสามารถใช้ร่วมกับเมนบอร์ดเพียง
2 รุ่นเท่านั้น ได้แก่ 1.845 อีและ 2.845 จีอี ซึ่งวางตลาดไปเร็วๆ นี้
ทางด้านการผลักดันตลาดนั้น บริษัทจับมือกับเครื่องคอมพิวเตอร์
8
ยี่ห้อ เพื่อทำตลาดร่วมกัน ประกอบด้วย เอเซอร์, เบลต้า,
ดีทีเค, เอ็มพีพี, เอสวีโอเอ,
วันเวย์, เลเซอร์ และลิเบอร์ต้า
โดยราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 59,900 บาท เป็นต้นไป ถึงระดับราคาประมาณ
70,000 บาท การพัฒนาในอนาคต เขากล่าวต่อว่า ในอนาคตเชื่อว่า
แนวทางการพัฒนานอกจากความเร็วของซีพียูแล้ว จะเน้นไปที่ขนาดของแคช รวมไปถึงฟร้อนท์
ไซด์ บัส และในปีหน้าเชื่อว่าจะสามารถนำซีพียูที่ใช้เทคโนโลยีการผลิต 0.09 ไมครอนออกสู่ตลาด ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นการพัฒนาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ตามแนวทางของเครื่องแม่ข่ายที่ใช้รหัสตระกูล
ซีออน ซึ่งมีจุดเด่นเทคโนโลยีไฮเปอร์เทรดดิ้ง
ที่มา
: กรุงเทพธุรกิจ
ฉบับวันที่ 15 พฤศจิกายน 2545
|