เอไอเอส เล็งจับตลาดมือถือพันธุ์ผสม จีเอสเอ็ม-ซีดีเอ็มเอ
เอไอเอส รุกทดสอบเทคโนโลยีจีเอสเอ็ม วันเอ็กซ์ ที่เป็นการทำงานร่วมระหว่างซีดีเอ็มเอ
และจีเอสเอ็ม มองจุดเด่น ให้บริการบนย่านความถี่เดิมได้ และรองรับความเร็ว
ได้สูงถึง 100 เมกะบิต เตรียมความพร้อม เปิดตลาดเชิงพาณิชย์หลังราคาเครื่อง
และเครือข่ายปรับลง
นายวิเชียร เมฆตระการ
รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิศวกรรมเครือข่าย บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส
จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า บริษัทเตรียมทดสอบระบบจีเอสเอ็ม
วันเอ็กซ์ เพื่อพัฒนาบริการสื่อสารข้อมูลไร้สายความเร็วสูง โดยจะเป็นการทดสอบทั้งด้านบริการทางเสียงบนเครือข่ายจีเอสเอ็ม
และบริการสื่อสารข้อมูลบนเครือข่ายซีดีเอ็มเอ วันเอ็กซ์ ซึ่งมีจุดเด่นคือ ช่วยให้เทคโนโลยีจีเอสเอ็มสามารถพัฒนาเพื่อรองรับการสื่อสารในความเร็วที่สูงขึ้น
บนย่านความถี่ที่ให้บริการในปัจจุบัน ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการหลายราย แสดงความสนใจร่วมทดสอบโครงการดังกล่าวกับเอไอเอส
แต่บริษัทคงเลือกผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายเพียงรายเดียว ซึ่งอยู่ในขั้นตอนเจรจา
"การทดสอบครั้งนี้
เป็นการเตรียมตัวสำหรับบริการไร้สายความเร็วสูง ซึ่งมองว่าน่าจะช่วยให้รองรับการรับ-ส่งข้อมูลที่ความเร็ว 100 กิโลบิตต่อวินาที เร็วกว่าบริการสื่อสารไร้สายอย่างเอดจ์ที่ให้บริการตอนนี้"
นายวิเชียร กล่าว อย่างไรก็ตาม
ในส่วนของการเปิดบริการเชิงพาณิชย์นั้น ต้องรอดูความพร้อมของเครือข่าย
และเครื่องลูกข่ายที่จะออกสู่ตลาด โดยต้องมีราคาที่สามารถแข่งขันกับระบบเอดจ์ได้
ปัจจุบัน บริษัท ควอลคอมม์
ซึ่งเป็นเจ้าของเทคโนโลยีซีดีเอ็มเอ เป็นผู้ผลิตชิพเซ็ตที่ช่วยให้เครื่องลูกข่ายสามารถใช้บริการได้ทั้งระบบจีเอสเอ็ม
และซีดีเอ็มเอ โดยอยู่ในช่วงของการทดสอบ และให้ผู้ผลิตเครื่องลูกข่ายนำชิพเซ็ตไปพัฒนา
ซึ่งคาดว่าจะสามารถจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ประมาณปีหน้า "การทดสอบครั้งนี้ เหมือนเป็นทางเลือก
แต่สมมติว่าจะมีการลงทุน เรื่องต้นทุนและราคาต้องแข่งขันได้กับเทคโนโลยีอื่น รวมถึงมีอุปกรณ์ที่ใช้งานแพร่หลาย"
นายวิเชียร กล่าว
สำหรับเทคโนโลยีของบริการลักษณะนี้ ปัจจุบัน บริษัท
ไชน่า ยูนิคอม กำลังทดสอบการให้บริการในประเทศจีนแล้ว
โดยให้บริการเครือข่ายจีเอสเอ็มทั่วประเทศ และมีเครือข่ายซีดีเอ็มเอในบางพื้นที่ โดยเทคโนโลยีดังกล่าว
ช่วยผู้ให้บริการสามารถให้บริการการสื่อสารทางเสียงบนเครือข่ายเดิม รวมถึงการที่ไม่ต้องหาย่านความถี่ใหม่
ที่อาจต้องใช้วิธีประมูล ทำให้เสียค่าใช้จ่ายสำหรับบริการสื่อสารไร้สายยุคที่ 3 หรือ 3จี
นายวิเชียร กล่าวว่า
ในส่วนของเครือข่ายเอดจ์นั้น หลังจากเริ่มเปิดให้บริการในเขตกรุงเทพฯ แล้ว ก็เตรียมขยายไปยังเมืองสำคัญในปีหน้าตามแผนที่วางไว้
เช่น เชียงใหม่, ภูเก็ต, ขอนแก่น เป็นต้น โดยเอไอเอส
ต้องการตอกย้ำการเป็นผู้ประกอบการรายแรก ที่ให้บริการเอดจ์ในเชิงพาณิชย์ ทั้งนี้
บริษัทตั้งงบประมาณสำหรับการลงทุนเครือข่ายในปีหน้าไว้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
และจะขยายการลงทุนตามความต้องการใช้งานของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
ที่มา
: กรุงเทพธุรกิจ
ฉบับวันที่ 14 พฤศจิกายน 2546
|