รายงาน : เวลา 1 ปี กับการเตรียมพร้อม สู่การจัดซื้อแบบอี-โพรเคียวเม้นท์
กระทรวงไอซีที ให้เวลา 1 ปี
เตรียมความพร้อมบุคลากรส่วนงานจัดซื้อพัสดุ และบัญชีหน่วยงานรัฐ
เข้าสู่วิธีการจัดซื้อผ่านอิเล็กทรอนิกส์ (อี-โพรเคียวเม้นท์) ด้านเอกชน
ลุ้นสุดตัวโชว์ผลสำเร็จจากประสบการณ์จริง ลดค่าใช้จ่ายจัดซื้อได้ 10-13%
คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์
ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่า นับจากนี้ไป 1 ปี
จะเป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ และสร้างความเข้าใจ ให้กับบุคลากรในส่วนการจัดซื้อพัสดุและบัญชี
ของหน่วยงานรัฐ เกี่ยวกับกระบวนการจัดซื้ออิเล็กทรอนิกส์ (อี-โพรเคียวเม้นท์) ทั้งนี้
การผลักดันนโยบายจัดซื้อจัดจ้างผ่านอิเล็กทรอนิกส์ ในหน่วยงานรัฐ จะเป็นตัวอย่างที่ผลักดันให้สังคมตระหนักถึงประโยชน์
ที่ได้จากการใช้งานด้านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสร้างความเข้าใจ และนำไปสู่การปฏิบัติ
ที่ทำให้เกิด อี-โซไซตี้ ได้ในระยะต่อไป ประโยชน์ที่จะเห็นจากการจัดซื้อจัดจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์นั้น
มี 3" ป" หลัก ประกอบด้วย
ประสิทธิภาพ ที่ลดกระบวนการจัดซื้อให้มีความรวดเร็วคล่องตัว โปร่งใส
เปิดกว้างให้สาธารณชนรับทราบและมีโอกาสเข้าร่วมประมูล ตรวจสอบการประมูลได้ พร้อมเปิดโอกาสให้เอกชนรายเล็กที่ไม่เคยมีโอกาสเข้าประมูลสามารถเข้าร่วมได้
มีการแข่งขันอย่างแท้จริง ปฏิบัติได้
โดยกฎระเบียบการดำเนินงานที่ออกมาต้องปฏิบัติได้จริง ซึ่งหลักการประมูลออนไลน์นั้น
จะเหมาะสมกับการจัดซื้อครุภัณฑ์ที่มูลค่า 1 ล้านบาทขึ้นไป และต้องมีผู้เข้าประมูลหลายราย
จึงจะเกิดการประหยัดได้
คาดบรรลุภารกิจ ต.ค. 47
นายกุลิส สมบัติศิริ ผู้อำนวยการ
สำนักงานมาตรฐานระบบพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง กล่าวว่า
แนวทางการดำเนินงานการจัดซื้ออิเล็กทรอนิกส์ แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนหลัก
ประกอบด้วย
ระยะที่ 1 เป็นการประมูลอิเล็กทรอนิกส์ ที่คาดว่าจะเริ่มจากกระทรวงพาณิชย์
ในราวกลางเดือนธันวาคม และหน่วยงานอื่นที่มีความพร้อม ทั้งนี้
ทุกหน่วยงานต้องจัดซื้ออย่างน้อย 1 รายการ
ภายในเดือนธันวาคมนี้ ตามมติ ครม. โดยมีศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
(เนคเทค) และมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
(ทีดีอาร์ไอ) เป็นที่ปรึกษาตรวจสอบความพร้อมของเทคนิคข
องผู้ให้บริการตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งหน่วยงานรัฐเลือกได้โดยอิสระ
ระยะที่ 2
การจัดทำแผนแม่บทการจัดซื้อจัดจ้างผ่านอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ 2545-2548 โดยจะประชุมหารือผู้เชี่ยวชาญวิชาการ เพื่อระดมสมองทำแผนดังกล่าวในกลางเดือนธันวาคมนี้
ระยะที่ 3 ยกร่างระเบียบจัดซื้อพัสดุภาครัฐ ที่แนวทางการแก้ไขระเบียบว่าด้วยการจัดซื้อพัสดุต่อการจัดซื้อทางอิเล็กทรอนิกส์
ที่กำลังจะเสนอเข้า ครม. วันอังคารที่ 26 พ.ย. นี้ โดยจะใช้ประกาศกระทรวงการคลังที่กำหนดหลักเกณฑ์การจัดซื้อออนไลน์
ว่าจะทำด้วยวิธิการใดบ้าง และเพิ่มเติมในข้อ 18 (6)ให้ภาครัฐสามารถติดต่อผู้ขายด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
นอกจากนั้น ต้องแก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการว่าการพัสดุ ซึ่งจากเดิมระบุให้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
เป็นประธาน มาเป็นปลัดกระทรวงการคลังแทน
ระยะที่ 4 พัฒนาวิชาชีพเจ้าหน้าที่พัสดุภาครัฐ ที่มีความพร้อมต่อการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์การจัดซื้อจัดจ้าง
โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในปีหน้า
"เป้าหมายของโครงการนี้
คาดว่าในเดือนตุลาคม 2547 จะสามารถดำเนินการอี-โพรเคียวเม้นท์ได้สมบูรณ์แบบ ที่หน่วยงานรัฐสามารถหาสินค้าที่ต้องการซื้อผ่านอี-แคตตาล็อกได้ รวมถึงการออกใบสั่งซื้อผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
และยืนยันการสั่งซื้อ ติดตามการสั่งซื้อ และส่งมอบสินค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ "
นายกุลิศกล่าว
ลดค่าใช้จ่าย 10-13%
ด้าน ม.ล.สุภสิทธิ์ ชุมพล
รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฟรีวิลล์ โซลูชั่น ที่เป็นบริษัทแม่ของบริษัทพันธวณิช
หนึ่งในผู้ให้บริการเอกชนที่รัฐคัดเลือกให้ผ่านเทคนิค เพื่อเป็นผู้ให้บริการประมูลออนไลน์สำหรับหน่วยงานรัฐ
กล่าวว่า จากประสบการทำธุรกิจที่ผ่านมา ระบบประมูลออนไลน์ของบริษัท สามารถลดค่าใช้จ่ายการจัดซื้อลง
10-13% รวมถึงลดระยะเวลาในกระบวนการจัดซื้อลงเหลือ 2 วันจากเดิมต้องใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ ขณะที่เทียบต้นทุนค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งใบสั่งซื้อ
จะเหลือเพียง 20 บาทต่อใบ จากเดิม 50-250 บาท ปัจจุบัน บริษัทมีผู้ขาย หรือซัพพลายเออร์ ในระบบแล้วมากกว่า 700 บริษัท ครอบคลุมสินค้า 90 กลุ่ม จำนวนทั้งสิ้น 60,000 รายการ รวมทั้งคาดว่าจะมีผู้ขายเข้ามาในระบบปีนี้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ราย ขณะที่มีผู้ซื้อเอกชนรายใหญ่ และรัฐวิสาหกิจแล้ว 25 ราย โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีมูลค่าประมูลออนไลน์แล้ว 1.3 พันล้านบาทและคาดว่าสิ้นปีจะถึง 1.5 พันล้านบาทด้วย
"ข้อมูลจากการศึกษาของแอคเซนเชอร์เมื่อ 2
ปีที่ผ่านมา จากการสำรวจบริษัทเอกชน 400 ราย
พบว่าจะมีการใช้จ่ายสินค้าทั่วไปเพื่อใช้ในสำนักงาน (Indirect Goods) ร้อยละ 15-18 ต่อปี ขณะที่ ในภาครัฐ
ก็มีค่าใช้จ่ายด้านพัสดุหลายแสนล้านบาท" ม.ล.สุภสิทธิ์ กล่าว
ด้านนายไตร กาญจนดุล กรรมการผู้จัดการ
บริษัทพันธวณิช จำกัด กล่าวว่า ค่าบริการที่จะคิดกับหน่วยงานรัฐที่จะมาใช้บริการประมูลออนไลน์นั้น
ผู้ซื้อจะต้องชำระค่าริเริ่มการประมูลในแต่ละครั้ง ครั้งละ 5,000 บาท และผู้ขายที่ชนะการประมูลจะต้องเสียค่านายหน้าตามสัดส่วนขึ้นอยู่กับมูลค่าการขายสินค้าได้
และความซับซ้อนที่บริษัทให้บริการ เช่น การจัดทำคุณสมบัติสินค้า ทั้งนี้ราคาการริเริ่มประมูลอาจยืดหยุ่นได้เป็นกรณีไป
ที่มา
: กรุงเทพธุรกิจ
ฉบับวันที่ 20 พฤศจิกายน 2545
|