แนวรบ 'เครื่องใช้ไฟฟ้า' ยังข้นคลั่ก จี้มอก.เพิ่มห้องแล็บก่อนตลาดป่วน
ไพโอเนียร์-ฟิลิปส์-ไฮเออร์-ลีโอน่า ครวญ 'มอก.' ใช้เวลาตรวจสอบมาตรฐานนานเกิน
ส่งผลกระทบแผนการตลาดตีรวน ด้านคนในวงการเครื่องใช้ไฟฟ้าห่วงกระทบราคาสินค้า ผู้ประกอบการชี้แนะเป็นเสียงเดียวควรเพิ่มจำนวนห้องแล็บเพื่อร่นระยะเวลาตรวจสอบให้สั้นลง
มั่นใจภาวะการแข่งขันยังเข้มข้น ไม่มีค่ายไหนถอดใจ พร้อมใจออกสินค้าใหม่ตรึม
จากกรณีที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุต สาหกรรม
(มอก.) ออกพระราชกฤษฎีกา
(พ.ร.ก.)
1195-2536 ให้ตรวจสอบมาตรฐานเครื่องใช้ไฟฟ้า 14 รายการ อาทิ ทีวี วิทยุ เครื่องดีวีดี เครื่องเล่นวีซีดี เป็นต้น ซึ่งอยู่ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มภาพและเสียง
(AV) ส่งผลให้ผู้ประกอบการเครื่องใช้ไฟฟ้าจากต่างประเทศมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
เพราะการจะวางขายสินค้าในตลาดแต่ละชิ้นจะต้องนำไปเข้าห้องแล็บเพื่อตรวจสอบคุณภาพ ดังนั้น
บรรดาผู้ประกอบจึงได้รับผล กระทบ
แหล่งข่าวในวงการเครื่องใช้ไฟฟ้ากล่าวกับ 'ประชาชาติธุรกิจ'
ว่า พ.ร.ก.ดังกล่าวส่งผลดีในแง่ผู้บริโภคจะได้ใช้สินค้าที่ได้มาตรฐาน ขณะเดียวกัน คาดการณ์ว่าจะส่งผลให้เครื่องใช้ไฟฟ้าในตลาดมีราคาแพงขึ้น
เนื่องจากการจะวางสินค้าในตลาดแต่ ละครั้งจะต้องรอไปนาน 3-4
เดือน นอกจากนี้ การ นำสินค้าเข้าห้องแล็บเพื่อตรวจสอบยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นการเพิ่มต้นทุนของสินค้าด้วย
นายรุ่งโรจน์ เลิศอำนาจกิจเสรี ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท
ไพโอเนียร์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำตลาดเครื่องเล่นดีวีดี กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า
บริษัทเห็นด้วยกับ พ.ร.ก.ดังกล่าว แต่ขอเสนอว่าการที่จะนำสินค้าเข้าไปตรวจในห้องแล็บ ซึ่งปัจจุบันมีเพียง
2 แห่งเท่านั้น ยังไม่สามารถรองรับผู้ประกอบการเครื่องใช้ไฟฟ้าได้
'กฎระเบียบดังกล่าวเป็นเรื่องที่ดี และควรทำมานานแล้ว แต่ตอนนี้ผู้ประกอบการเครื่องใช้ไฟฟ้าจะต้องรอคิวสินค้าหลายตัวกว่าจะนำสินค้าไปขายในตลาดได้
โดยส่วนตัวคิดว่ารัฐน่าจะเพิ่มแล็บในการตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าให้มากกว่านี้' นายวิโรจน์กล่าวและว่า แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า พ.ร.ก.ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบด้านราคาเครื่องใช้ไฟฟ้าในตลาด
เพราะแต่ละค่ายต้องตั้งราคาที่เหมาะสมเพื่อให้แข่งขันกันในตลาดได้ และผู้ประกอบการอาจเหลือกำไรน้อยลง
เพราะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อตรวจสอบสินค้า สำหรับไพโอเนียร์เป็นผู้นำในตลาดเครื่องเล่น
ดีวีดี ซึ่งสินค้าของไพโอเนียร์มีทั้งมาจากโรงงาน และนำเข้ามาจากต่างประเทศ โดยไพโอเนียร์เชื่อว่าช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้เครื่องเล่นดีวีดียังคงเติบโตต่อเนื่อง
และจะชะลอตัวลงในปีหน้า
ด้านนายชฎิล จุลินรักษ์ ผู้จัดการทั่วไป แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มภาพและเสียง
บริษัท ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า พ.ร.ก.ดังกล่าวจะมีผลดีต่อผู้บริโภค เพราะฉะนั้น ถึงเวลาแล้วที่ผู้ประกอบการจะต้องยอมจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มขึ้นเพื่อให้เกิดมาตร
ฐานที่เหมือนกัน 'ส่วนใหญ่เรามีสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ
เพราะฟิลิปส์เน้นขายสินค้าที่เป็นกลุ่มไฮเอนด์ เรื่องผลกระทบจาก พ.ร.ก.ตัวนี้ว่าจะส่งผลถึงราคาสินค้าหรือไม่
จึงไม่ต้องไปห่วงมาก เพราะมีลูกค้าที่อยู่ในระดับกลางขึ้นไป' นายชฎิลกล่าว
ส่วนแหล่งข่าวในบริษัท ไฮเออร์ อิเลคทริคอล อัพพลายแอนซ์ ไทยแลนด์
จำกัด ผู้ทำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อ 'ไฮเออร์' ซึ่งมีแผนจะนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศจีนมาทำตลาดในเมืองไทยนับ 100
รายการกล่าวยอมรับว่า ได้รับผลกระทบจาก พ.ร.ก.ดังกล่าว ทำให้บริษัททำงานลำบากขึ้น โดยเฉพาะต้องเลื่อนการวางตลาดสินค้าหลายรายการออกไป
อาทิ โทรทัศน์สี และเครื่องซักผ้า ซึ่งอยู่ในข่ายเป็นสินค้าที่ต้องตรวจสอบมาตรฐาน 'บริษัทส่งสินค้าไปตรวจหลายสิบรายการ แต่เรามั่นใจอยู่แล้วว่าสินค้าผ่านการตรวจสอบ
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าต้องรอนาน 3-4 เดือน และทาง สมอ.ไม่มีกำหนดเวลาชัดเจนว่าจะตรวจเสร็จเมื่อไหร่ ทำให้แผนงานการตลาดที่วางไว้ต้องคลาดเคลื่อนไปจากเดิม'
แหล่งข่าวกล่าว
นายมนัส ศรีเทียน กรรมการบริหาร บริษัท โกรว์ ริช เอ็นเทอร์ไพรซ์
จำกัด ผู้จำหน่ายเครื่องเล่นวีซีดี ดีวีดี และระบบเครื่องเสียงโฮมเธียเตอร์ 'ลีโอน่า' กล่าวถึงผลจากการบังคับใช้ พ.ร.ก.ดังกล่าวว่า
จะไม่มีผลกระทบเรื่องราคาสินค้าอย่างแน่นอน แม้ว่าผู้ประกอบการจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
'ลีโอน่านำสินค้าจากเมืองจีนเข้ามาทำตลาด เพราะฉะนั้นเมื่อมี พ.ร.ก.ออกมาให้นำสินค้าไปตรวจสอบมาตรฐานก่อนวางตลาด
เราก็ทำตาม แต่อยากเสนอแนะว่า ระยะเวลาของการตรวจสอบสินค้าควรสั้นกว่านี้' นายมนัสกล่าว
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 14 ตุลาคม 2545
|