นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ตลาดชิพ เชื่อความต้องการในตลาดพีซี และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ดันยอดขายปี 2547 โตกว่า 28% หลังกลับสู่ภาวะชะลอตัวปีหน้า เหตุผู้บริโภคลดอัตราอัพเกรด แต่ชี้ยอดขายเอเชีย แปซิฟิก ยังเข้มแข็ง

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานผลการวิเคราะห์ของสถาบัน เวิลด์ เซมิคอนดัคเตอร์ เทรด สตาทิสติคส์ (WSTS) ซึ่งระบุว่า ยอดขายชิพทั่วโลกในช่วงปี 2547 อาจมีอัตราการเติบโตราว 28.4% หรือมีมูลค่าสูงเป็นประวัติการณ์ ถึง 213,600 ล้านดอลลาร์ โดยภาวะดังกล่าวเป็นผลมาจากความต้องการในตลาดพีซี, โทรศัพท์เคลื่อนที่, เครื่องบันทึกดีวีดี และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ  ขณะที่เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทางกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าว ได้ทำนายว่า ตลาดชิพในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตราว 19.4% "ความต้องการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ดิจิทัล อย่างเครื่องบันทึกดีวีดี และกล้องถ่ายภาพนิ่งดิจิทัล กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว" นายฮิโรมุ ยามาโมโตะ ประธานของสถาบันกล่าว "และปีที่ตลาดมือถือและพีซีเติบโตมาก ก็จะเป็นปีที่ตลาดชิพรุ่งเรืองด้วย เนื่องจากอุปกรณ์ 2 ประเภทนี้ ครองส่วนแบ่งตลาดชิพทั่วโลก ถึง 40%"

ด้านสถาบันเซมิคอนดัคเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล คาปาซิตี้ สตาทิสติคส์ กรุ๊ป กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดชิพโลกอีกรายหนึ่ง ออกมาให้ข้อมูลว่าในช่วง 3 สัปดาห์ที่แล้วว่า โรงงานชิพทั่วโลก มีอัตราการผลิตในช่วงไตรมาสแรก สูงสุดในรอบ 3 ปี เนื่องจากความต้องการในตลาดพีซี และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ดิจิทัล เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทางสถาบันยังคาดการณ์ว่า หลังจากผ่านพ้นยุคเฟื่องฟูในช่วงปี 2547 ไป ยอดขายชิพทั่วโลกจะมีอัตราการเติบโตราว 8.5% ในปี 2548 และลดลงเหลือ 0.7% ในปี 2549 เนื่องจากการอัพเกรดสินค้าในตลาดพีซีเริ่มชะลอตัวลง รวมทั้งการเกิดภาวะราคาชิพตกต่ำ เนื่องจากการขยายกำลังผลิตอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ตลาดชิพในเอเชีย แปซิฟิก โดยไม่รวมประเทศญี่ปุ่นจะมียอดขายเพิ่มขึ้นราว 1.4% ในช่วงปี 2549 โดยได้รับแรงผลักดันจากการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ขณะที่หลังจากช่วงตกต่ำในปี 2549 ตลาดชิพโลกอาจฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง ในช่วงปี 2550 โดยมีอัตราการเติบโตราว 9.3%

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 3 มิถุนายน 2547