รายงาน : "จีน" มุ่งพัฒนามาตรฐานไอทีเทียบชั้นโลกตะวันตก
ฮ่องกง - จีนย้ำชัด นโยบายปลดแอกอุตสาหกรรมไอที
ประกาศเดินหน้า สร้างมาตรฐานประจำชาติ ทั้งเครือข่ายมือถือ ระบบโทรทัศน์
และเทคโนโลยีบีบอัด ชี้จุดประสงค์ หวังลดการพึ่งพาตะวันตก ขณะที่เตรียมตั้งตัว
เป็นมหาอำนาจในตลาดโลก เปิดให้ต่างชาติ เช่าสิทธิบัตรราคาถูก
ประเทศจีน
ได้ทำให้อุตสาหกรรมไร้สายทั่วโลกต้องประหลาดใจเป็นครั้งแรกเมื่อ 3 ปีก่อน
โดยการประกาศว่า จะสร้างมาตรฐานเครือข่าย 3จี (3G) ของตนเอง จากนั้นไม่นาน ก็ประกาศว่า ตนจะพัฒนาฟอร์แมตโทรทัศน์ระบบดิจิทัล
และเมื่อราว 5 สัปดาห์ที่แล้ว จีนยังได้ประกาศว่าตนกำลังสร้างมาตรฐานไฟล์วิดีโอและออดิโอตัวใหม่
สำหรับเครื่องเล่นวิดีโอเกม และเครื่องเล่นดีวีดียุคหน้า และล่าสุด
จีนก็ได้ออกมาประกาศร่วมมือกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ เพื่อพัฒนาระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์
สำหรับใช้แทนซอฟต์แวร์วินโดว์ส ของยักษ์ใหญ่ไมโครซอฟท์ด้วย
สาเหตุหนึ่ง
ที่ทำให้จีนหันมาสร้างมาตรฐานเทคโนโลยีระดับสูงของตัวเอง ก็เนื่องมาจากความต้องการที่จะมีฐานะเท่าเทียมกับมหาอำนาจทางเศรษฐกิจรายอื่นของโลก
เพราะแม้ว่าขณะนี้จีนจะเป็นผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อันดับหนึ่ง แต่เทคโนโลยีหลักเกือบทั้งหมดที่ใช้
ยังคงมาจากต่างประเทศ สถานการณ์เช่นนี้ มีผลกระทบกับผู้ผลิตในประเทศไม่น้อย บริษัทผลิตเครื่องเล่นดีวีดีจีน
ต้องจ่ายเงินราว 3.50-5 ดอลลาร์ ให้กับเจ้าของลิขสิทธิ์ดีวีดีชาวยุโรปหรือญี่ปุ่น
ในการผลิตอุปกรณ์แต่ละเครื่อง ขณะที่บริษัท ซึ่งตั้งอยู่ในญี่ปุ่นและสหรัฐ
จะจ่ายค่าธรรมเนียมในอัตราต่ำกว่า เพราะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์บางตัวที่ใช้อยู่แล้ว
ชูข้อได้เปรียบประชากรมหาศาล
โดยทั่วไป การกำหนดมาตรฐาน เป็นเพียงข้อตกลงว่า จะกำหนดการปฏิบัติงานทางเทคนิคกันอย่างไร
โดยอาศัยแนวคิดที่ได้รับสิทธิบัตรแล้วหลายตัวประกอบกัน เช่น มาตรฐาน "เอ็มเพ็ก-2"
(MPEG-2) สำหรับเปลี่ยนไฟล์วิดีโอและออดิโอให้กลายเป็นสัญญาณดิจิทัล
ที่ใช้อยู่ในขณะนี้ ก็มาจากสิทธิบัตรของบริษัท 22
แห่งทั่วโลก แต่ไม่มีบริษัทใดเลยที่อยู่ในประเทศจีน นอกจากนี้
การสร้างมาตรฐานของตนเอง ยังทำให้จีนสามารถขยายเทคโนโลยีที่ตนคิดค้นขึ้นออกไปสู่ตลาดโลกได้
โดยเฉพาะเมื่อมีข้อได้เปรียบ จากการมีตลาดในประเทศขนาดมหาศาลอยู่แล้ว เนื่องจากหากจีนบังคับให้อุปกรณ์เทคนิคที่วางขายในประเทศต้องใช้มาตรฐานของตนแล้ว
บริษัทต่างชาติที่หวังจะเจาะตลาดจีน ก็ย่อมถูกบังคับให้หันมาผลิตสินค้า โดยใช้มาตรฐานเหล่านี้ตามไปด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทยักษ์ใหญ่บางแห่งยังหันมาสนับสนุนจีนในการพัฒนามาตรฐานใหม่อย่างเปิดเผย
อาทิ ซีเมนส์ เอจี ซึ่งกำลังเป็นตัวตั้งตัวตีในการช่วยพัฒนามาตรฐาน 3จี สำหรับจีน ที่มีชื่อว่า
"ทีดี-เอสซีดีเอ็มเอ"
(TD-SCDMA) ขณะที่ทั้งไอบีเอ็ม ไมโครซอฟท์ และฟิลิปส์
ก็ร่วมมือกับกลุ่มผู้ผลิตในประเทศ เพื่อประกาศใช้มาตรฐานบีบอัดไฟล์วิดีโอและออดิโอตัวใหม่เช่นกัน
ชี้ซ้ำรอยนโยบายแบ่งแยกมาตรฐาน
นักวิเคราะห์ เปิดเผยว่า แท้จริงแล้ว
จีนกำลังเดินตามทางที่ประเทศอื่นๆได้ทำไว้ มาตรฐานทางเทคนิคในโลกนี้มีอยู่หลากหลายรูปแบบ
เนื่องจากประเทศต่างๆ ก็สนับสนุนเทคโนโลยีที่บริษัทในประเทศตนคิดค้นขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้มือถือและทีวีในทวีปยุโรป
ใช้มาตรฐานที่แตกต่างจากสหรัฐ "เราก็แค่ทำเหมือนกับที่ประเทศอื่นๆทำ"
นายสตีเฟน หว่อง ประธานกลุ่มบริษัทสกายเวิร์ธ ดิจิทัล โฮลดิ้งส์
จำกัด หนึ่งในบริษัทผลิตทีวีที่ใหญ่ที่สุดของจีน กล่าว อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่า
จีนก็ไม่ต้องการปิดกั้นผู้บริโภคและผู้ผลิตของตน จากการใช้เทคโนโลยีที่อาจมีราคาถูกและมีคุณภาพดีกว่าของประเทศอื่น
ดังกรณีของมาตรฐานเครือข่ายไร้สาย 3จี
ที่ผู้ให้บริการเครือข่ายในประเทศ ตัดสินใจสนับสนุนมาตรฐานไวด์แบนด์ ซีดีเอ็มเอ (WCDMA)
ของยุโรปมากกว่า
"มาตรฐานยุโรปจะคุ้มค่าทางการผลิตมากกว่า"
นายแจ๊คกี้ เอส.แอล. ยุง
ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายการเงิน บริษัทไชน่า โมบาย กล่าว พร้อมเสริมว่า ส่วนมาตรฐานทีดี-เอสซีดีเอ็มเอ ของจีน อาจเป็นเครือข่ายเสริมหรือระบบสนับสนุน
นอกจากนี้ รัฐบาลยังวางแผนที่จะใช้มาตรฐาน 3จี ทั้ง 2 ตัวไปด้วยกัน เหมือนกับที่ประกาศใช้เครือข่ายมือถืออย่างเป็นทางการถึง 2 ระบบในประเทศขณะนี้
หวังแข่งมหาอำนาจตะวันตก
แต่ในส่วนอุตสาหกรรมอื่นๆนั้น จีนกลับมีนโยบายที่จะขยับขยายอิทธิพลออกไปนอกประเทศด้วย
โดยการให้เช่าสิทธิบัตรในราคาต่ำกว่าบริษัทคู่แข่ง โดยเฉพาะเจ้าของมาตรฐานบีบอัดไฟล์ดิจิทัลตัวใหม่
"เอวีเอส" (AVS) ก็เตรียมประกาศใช้เทคโนโลยีอย่างเป็นทางการภายในสิ้นปีนี้
ซึ่งจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับเอ็มเพ็ก-4 (MPEG-4) มาตรฐานสำหรับเครื่องเล่นดีวีดี,
วิดีโอเกม และอินเทอร์เน็ตยุคหน้า (ของตะวันตก)
โดยวิศวกรชาวจีน
ได้เริ่มโครงการค้นคว้ามาตรฐานดังกล่าวไปเมื่อปีที่แล้ว หลังจากที่เจ้าของมาตรฐานเอ็มเพ็ก-4 ถูกต่อต้าน ที่ใช้มาตรการเก็บค่าต๋งที่ซับซ้อนและแพงเกินไป ทั้งนี้
จีนเอง ได้ประกาศว่า จะเก็บค่าธรรมเนียมสิทธิบัตรเพียงไม่กี่เซนต์ต่ออุปกรณ์แต่ละตัว
"ประเด็นสำคัญ ไม่ใช่ค่าธรรมเนียมลิขสิทธิ์ แต่เป็นการผสมผสานระหว่างคุณภาพระดับบน,
คุณสมบัติการใช้งานง่าย และค่าใช้จ่ายต่ำ" นายเกา เหวิน หัวหน้ากลุ่มเอวีเอส กล่าว
บังคับใช้ซอฟต์แวร์ท้องถิ่น
เมื่อเดือนสิงหาคม
รัฐบาลจีนยังประกาศใช้นโยบายกำหนดให้ทุกกระทรวง ใช้ซอฟต์แวร์ออฟฟิศที่พัฒนาขึ้นในประเทศ
"ดับบลิวพีเอส ออฟฟิศ 2003" (WPS Office 2003) เพื่อหยุดการครอบงำของไมโครซอฟท์ในตลาดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ
โดยตั้งเป้าว่า จะกำจัดระบบปฏิบัติการวินโดว์ส และออฟฟิศ ออกจากคอมพิวเตอร์ของทางการนับแสนเครื่องได้ภายในสองหรือสามปีข้างหน้านี้
พร้อมเสริมว่า นโยบายใหม่ ซึ่งได้รับการคาดหมายว่าจะช่วยเพิ่มจำนวนข้าราชการที่ใช้ซอฟต์แวร์ออฟฟิศท้องถิ่นจาก
30% เป็น 100% เต็มนั้น มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ในประเทศและป้องกันระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลของชาติ
ขณะที่ เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม บริษัท คัลเจอร์คอม โฮลดิ้งส์ ได้เปิดตัวชิพ
"วี-ดรากอน" (V-Dragon) สำหรับคอมพิวเตอร์ระบบลินิกซ์ ซึ่งออกแบบให้รองรับการประมวลผลข้อมูลภาษาจีนโดยเฉพาะ
และจะรันบนระบบปฏิบัติการลินิกซ์ ซึ่งรู้จักกันในชื่อ "มิโดริ"
(Midori) "การพัฒนาสถาปัตยกรรมฝังตัวลินิกซ์ มิโดริ วี-ดรากอน สอดรับกับนโยบายด้านไอทีของรัฐบาลจีนที่ต้องการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ"
ประธานบริษัท กล่าว โดยบริษัทต่างชาติ ที่จะได้รับผลกระทบจากการที่จีนหันมาพัฒนาชิพของตัวเองมากที่สุด
คือ อินเทล และไมโครซอฟท์
ที่มา
: กรุงเทพธุรกิจ
ฉบับวันที่ 5 กันยายน 2546
|