จีนมั่นใจเบียดมะกันขึ้นนำตลาดไอที
ระบุเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจด้านข้อมูลข่าวสาร และอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ดาวอส -ประธานบริษัทโทรคมนาคมชั้นนำของรัฐบาลจีน
ชี้จีนจะกลายเป็นตลาดด้านข้อมูลข่าวสาร และอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่ที่สุดของโลกเหนือสหรัฐได้ภายในปี
2551 ขณะที่ย้ำเดินหน้านโยบายปรับปรุงภาคเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ควบคู่กับการแก้ไขระบบกฎหมายและการสร้างงาน
เพื่อลดปัญหาการว่างงานและคอรัปชั่น
นายเอ็ดเวิร์ด เถียน
หัวหน้าฝ่ายบริหารบริษัทไชน่า เน็ตคอม คอร์ป.และผู้บุกเบิกการปฏิวัติอินเทอร์เน็ตในประเทศจีน
กล่าวที่งานเวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัม การประชุมประจำปีของผู้นำการเมืองและธุรกิจ ซึ่งคัดเลือกให้จีนเป็นประเทศหนึ่งที่ประสบความสำเร็จทางด้านเศรษฐกิจเมื่อปีที่ผ่านมา
ว่า ภายในปี 2551
จีนจะมีอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตระหว่าง 200-300 เครื่อง
และมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นหลายล้านคน
ปัจจุบันจีนมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกว่า 60 ล้านคน
เพิ่มขึ้นจาก 7 ปีก่อนหน้านี้ ซึ่งมีผู้ใช้เพียงไม่กี่พันคน ส่งผลให้ประเทศแห่งนี้แซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นเป็นตลาดไอทีอันดับสองของโลก
ขณะที่อันดับหนึ่งยังคงเป็นสหรัฐ ซึ่งมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตราว 200 ล้านคน "จีนจะกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจด้านข้อมูลข่าวสาร
และอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งภาคเทคโนโลยีสารสนเทศแบบดั้งเดิม และภาคโทรคมนาคม"
นายเถียนกล่าว
เมื่อปีที่ผ่านมา
จีนเป็นประเทศเดียวที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศโตต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นตลาดอุปกรณ์โทรคมนาคมหนึ่งเดียวที่มีอัตราการขยายตัว
และกลายเป็นตลาดสำคัญของบริษัทข้ามชาติ ทั้งโนเกีย อีริคสัน และไอบีเอ็ม "ผมคิดว่าในอีก
5 หรือ 10 ปีข้างหน้า การลงทุนของประเทศจะเน้นที่ภาคซอฟต์แวร์และบริการเป็นสำคัญ
และไม่คิดว่าจีนจะสามารถสร้างระบบเศรษฐกิจได้ หากยังคงผลิตแต่สินค้าอุตสาหกรรม ดังนั้น
จึงต้องเปลี่ยนมาเล่นบทบาทสำคัญ ด้วยการเป็นผู้นำในโลกเทคโนโลยี" นายเถียนกล่าว อย่างไรก็ดี เมื่อปี 2545
ระบบเศรษฐกิจของจีน เติบโตกว่า 8% และคณะกรรมการคาดการณ์ว่า
จะขยายตัวต่อไป ขณะที่เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พรรคคอมมิวนิสต์จีน ประกาศนโยบายสำคัญ
คือ สร้างระบบเศรษฐกิจทางด้านข้อมูลข่าวสารภายใน 10 ปี
ซึ่งนายเถียน เชื่อว่า อินเทอร์เน็ตไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดระบบเศรษฐกิจใหม่เท่านั้น
แต่ยังปฏิวัติรูปแบบเศรษฐกิจแบบดั้งเดิมด้วย และจีนจะกลายเป็นผู้เล่นที่มีความสำคัญมากในอุตสาหกรรมข้อมูลข่าวสารโลก
ขณะที่นักวิเคราะห์ตั้งคำถามว่า
หลังจากจีนกลายเป็น "ผู้เล่นระดับโลก" แล้ว เมื่อไรจะสร้างมาตรฐานเทคโนโลยีและตลาดของตัวเอง
ซึ่งไม่ใช่แค่การส่งออกสินค้าต้นทุนต่ำ แต่รวมถึงซอฟต์แวร์และบริการให้กับโลกตะวันตก
นายเจียง ซิเหว่ย รองประธานคณะกรรมการประจำ
ของสมัชชาประชาชน ชี้แจงว่า ภารกิจหลักของรัฐบาลจีน คือ การปรับปรุงภาคเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ของประเทศไปพร้อมกันการแก้ไขระบบกฎหมายและสร้างงานให้มากขึ้น
เพื่อลดปัญหาการว่างงาน คอรัปชั่น และจุดอ่อนอื่นๆ
ด้านนายวิคเตอร์ ชู ประธานบริษัทเฟริสต์
อีสเทิร์น อินเวสเมนท์ กรุ๊ป ของฮ่องกง กล่าวว่า ปัญหาท้าทายที่สุด คือ จีนจะทำให้ประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียลดความกลัวที่ว่าจีนจะครอบงำและคุกคามเศรษฐกิจของภูมิภาคแห่งนี้ได้อย่างไร "ผมคิดว่าเอเชียจะต้องร่วมมือกันเพื่อหาทางแก้ปัญหาอย่างถูกต้อง"
นายชูอธิบาย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ จีนร่วมมือกับไทย และกลุ่มประเทศลุ่มน้ำแม่โขงเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
ขณะเดียวกัน ก็ร่วมมือกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในเขตอ่าวเปอร์เซีย
ที่มา
: กรุงเทพธุรกิจ
ฉบับวันที่ 28 มกราคม 2546
|