"พินิจ" โปรยยาหอมอุตฯยานยนต์ ยก "ไทย" ฐานผลิตรถยนต์โลก
กระทรวงอุตสาหกรรมเดินหน้าผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์สู่สากลเต็มที่
มั่นใจปีนี้ยอดผลิตไม่น้อยกว่า 9 แสน แถมมีการลงทุนเพิ่มหลายหมื่นล้าน เดินหน้ายกระดับมอเตอร์โชว์
เจรจาผู้จัดงาน-ผู้ประกอบการนำรถใหม่เข้ามาเปิดตัวมากขึ้น ชี้อิมเมจประเทศไทยเป็นฐานการผลิตระดับโลกที่ผู้ประกอบการต้องมีฐานการผลิตในนี้
นายพินิจ
จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ"
ว่า ทางกระทรวงอุตสาหกรรมมีแผนงานที่จะเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ให้มีการเติบโตและขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น
ตามที่รัฐบาลได้ยกให้อุตสาหกรรมยานยนต์เป็น 1 ใน 5 อุตสาหกรรมหลักของประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตไปได้อีกมากในอนาคต
ซึ่งในปีนี้ทางกระทรวงคาดว่าการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยน่าจะทำได้ไม่น้อยกว่า
900,000 คัน โดยแบ่งออกเป็นการผลิตเพื่อตลาดในประเทศ 600,000 คัน และเพื่อตลาดส่งออก 300,000 คัน และคาดว่าน่าจะมีการลงทุนเพิ่มสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมต่อเนื่องไม่น้อยกว่า
10,000 ล้านบาทในปีนี้
"ที่ผ่านมาประเทศไทยมีการลงทุนสำหรับอุต สาหกรรมยานยนต์มาก
อย่างโครงการของโตโยต้า และล่าสุดที่บีโอไออยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่ออนุมัติไปก็คือ
โครงการลงทุนเพิ่มมูลค่ากว่า 18,063.9 ล้านบาทของมิตซูบิชิ รวมไปถึงมีผู้ประกอบการอีกหลายรายที่เข้ามาคุยกับทางกระทรวงอยู่
ก็อยู่ระหว่างขั้นตอนการเจรจา หากทุกอย่างเรียบร้อยเขาก็พร้อมที่จะดำเนินการ อันนี้ยังไม่รวมไปถึงพวกผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์
ซึ่งที่น่าสนใจตอนนี้ก็คือ มีบริษัทผลิตสมองกลของรถเข้ามาเจรจาเพื่อขอตั้งฐานการผลิตในไทยอยู่
ซึ่งถ้าดูจากเป้าส่งเสริมการลงทุนที่เราวางไว้ 290,000
ล้านบาท ผมมองว่าน่าจะเป็นของยานยนต์หลายหมื่นล้าน"
นายพินิจกล่าวต่อว่า สิ่งที่ต้องทำนับจากนี้ก็คือ การยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยให้เป็นระดับสากลมากขึ้น
โดยเฉพาะเรื่องการจัดงานมอเตอร์โชว์ในประเทศไทยนั้น ตนอยากให้มีความเป็นสากล ซึ่งเท่าที่ผ่านมาก็ได้มีการพูดคุยกับผู้จัดงานและทางผู้ประกอบการ
เพื่อให้นำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยในงานมอเตอร์โชว์มากขึ้นทั้ง 2
งาน ซึ่งทางกระทรวงจะเข้าไปช่วยดูในเรื่องของปัญหาในการนำรถใหม่เข้ามาแสดงและก็จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้นเพื่อช่วยยกระดับงานแสดงรถยนต์ในประเทศไทยให้ก้าวสู่ระดับสากลมากขึ้น
"อันนี้เรามองไปที่ภาพของอุตสาหกรรมในประเทศว่า หากจะยกระดับอุตสาหกรรมนั้น
นอก จากเรื่องการผลิตแล้ว เรื่องของภาพลักษณ์ก็เป็นสิ่งจำเป็นไม่แพ้กัน
ผมเชื่อว่าหากมีรถยนต์รุ่นใหม่ๆ มาเปิดตัวในประเทศไทยมากขึ้น ก็จะช่วยตรงนี้ได้ นอกจากนั้นก็คงจะเป็นเรื่องการเตรียมความพร้อมให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์
รวมถึงโครงการอีโคคาร์และเอเชี่ยนออโตมอลล์ ที่ผมมอบหมายให้ ดร.วัชระ พรรณเชษฐ์ ผู้ช่วย รมต. เป็นผู้ดูแลเรื่องนี้ร่วมกับสถาบันยานยนต์
ซึ่งทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างพร้อมเพรียงกัน"
ในปัจจุบันประเทศไทยมีการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ได้มากกว่า
80% แล้ว ซึ่งก็มีแผนงานที่จะปรับเพิ่มสัดส่วนเหล่านี้ขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็มีการหารถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงทดแทนเข้ามาใช้กัน
แม้จะเชื่อว่าปัญหาน้ำมันราคาแพงจะไม่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมนี้ก็ตาม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมยังเปิดเผยอีกว่า ขณะนี้ประเทศไทยถือว่าได้เปรียบคู่แข่งจากต่างประเทศมาก
โดยเฉพาะการดึงดูดบริษัทต่างชาติให้เข้ามาลงทุน เนื่องจากภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่ออกไปสู่สายตาต่างชาติเป็นประเทศที่มีความพร้อมในเรื่องของอุตสาหกรรมยานยนต์มากที่สุด
การที่บริษัทรถยนต์จะตัดสินใจตั้งโรงงานต้องถือเรื่องเหล่านี้เป็นองค์ประกอบอยู่แล้ว
ซึ่งตนเชื่อว่าประเทศไทยได้เป็นอิมเมจของอุตสาหกรรมยานยนต์ไปเสียแล้วว่า เราเป็นหนึ่งในฐานการผลิตที่ดีที่สุดของโลก
และเชื่อว่าผู้ประกอบการจะได้รับความเชื่อถือมากขึ้นหากมีการตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย
ที่มา
: ประชาชาติธุรกิจ
ฉบับวันที่ 22 มกราคม 2547
|