กลุ่มยานยนต์เฮทักษิณไฟเขียว อนุมัติ 100 ล้านผุดศูนย์ทดสอบ
กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์
ตีปีกนายกฯทักษิณ ไฟเขียวอนุมัติงบฯ 100 ล้านบาท
ตั้งศูนย์ทดสอบวิจัยและพัฒนายานยนต์ "นินนาท ไชยธีรภิญโญ"
พร้อมทีมงานเสนอวิสัยทัศน์ ตั้งเป้าปี 2549
ผลิตรถ 1 ล้านคัน มูลค่ากว่า 5
แสนล้านบาท ลุยขยายการใช้ชิ้นส่วนในประเทศเพิ่มจาก 40% เป็น
60%
นายนินนาท
ไชยธีรภิญโญ ในฐานะรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ"
ว่า เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาทางกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีทักษิณ
ชินวัตร โดยทีมที่เข้าพบประกอบด้วยตนในฐานะผู้แทนสภาฯ นายอัจฉรินทร์ สารสาส ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์
นายอดิศักดิ์ โรหิตศุน นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย นายชวลิต จริยวัฒน์สกุล
ประธานกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ นายปราโมทย์ พงษ์ทอง นายกสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย
และนายวัลลภ เตียศิริ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์
โดยในที่ประชุมได้มีการเสนอวิสัยทัศน์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ให้กับนายกรัฐมนตรีรับทราบกำหนดให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถตระกูลปิกอัพ
1 ตันของโลก รวมถึงเป็นฐานการผลิตรถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ทั้งชิ้นส่วนทดแทน
(อาร์อีเอ็ม) และชิ้นส่วนที่ผลิตป้อนโรงงานผลิตรถยนต์
(โออีเอ็ม) โดยต้องเป็นที่ยอมรับในด้านคุณภาพ
มีมาตรฐานในระดับนานาชาติ และมีมูลค่าเพิ่มในประเทศสูงขึ้น
"เราเสนอไปว่าในปี 2549 ประเทศไทยน่าจะผลิตรถยนต์ในประเทศถึง
1 ล้านคันต่อปี ขายในประเทศ 60%
และส่งออก 40% ซึ่งทั้งหมดคิดเป็นมูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาท โดยในรถที่เราจะผลิตทั้งหมด เป็นรถปิกอัพถึง 70% ที่เหลืออีก 30% จะเป็นรถเก๋ง นอกจากนี้ในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ยังตั้งเป้าว่าจะขยายมูลค่าเพิ่มจากเดิมที่มีอยู่กว่า
40% ให้เป็น 60% ในปีเดียวกัน
ซึ่งการขยายมูลค่าเพิ่มจะประกอบไปด้วย การใช้ชิ้นส่วนในประเทศ การเพิ่มความสามารถในการผลิตและความสามารถในการแข่งขันของบุคลากรในประเทศ"
นอกจากนี้ ยังมีการพูดกันในเรื่องของศักยภาพการแข่งขันของประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
อาทิ ระบบสาธารณูปโภค กฎระเบียบรวมถึงนโยบายรัฐบาล ข้อมูลข่าวสารในวงการ แต่อาจจะเสียเปรียบคู่แข่งอย่างประเทศจีนในบางเรื่อง
เช่น ขนาดของตลาด แหล่งวัตถุดิบหรือแม้กระทั่งค่าแรง
เราต้องยอมรับว่าอาจจะเสียเปรียบเขาบ้าง ซึ่งเรื่องนี้เราต้องยกระดับการผลิตของเราขึ้นไปแข่งขันในอีกระดับ
"เราคิดว่าคงต้องยกระดับมาตรฐานของเราขึ้นไปอีก ทั้งอาร์อีเอ็มและโออีเอ็ม
ทางรัฐบาลก็ถามมาว่าเราอยากจะทำรถแห่งชาติหรือไม่ ทางกลุ่มก็ตอบไปแล้วว่าไม่ อยากเป็นแค่ฐานการผลิตขนาดใหญ่เท่านั้น
ปีที่ผ่านมาเราอยู่ลำดับที่ 17 ของโลก เราก็มีเป้าหมายว่าเราอยากจะขึ้นไปยืนที่
10 มันก็เลยต้องทำงานอีกมาก อย่างเช่นเรื่องของบุคลากรที่ต้องพัฒนา
เรื่องของโครงสร้างภาษีที่ต้องแก้ไขในบางจุด เรื่องต้นทุนวัตถุดิบในการผลิต รวมไปถึงเรื่องปลีกย่อยอีกหลายอย่างที่ต้องเร่งแก้ไขในอนาคตอันใกล้"
นายนินนาทกล่าวต่อว่า นอกจากนี้
ในที่ประชุมได้มีการเสนอจัดตั้งศูนย์ทดสอบวิจัยและพัฒนายานยนต์ไปแล้ว ภายในวงเงินงบประมาณกว่า
4.5 พันล้านบาท โดยเสนอของบฯในเบื้องต้นเพื่อทำการศึกษารายละเอียดของโครงการจำนวน
20 ล้านบาท ซึ่งท่านนายกฯเห็นด้วย เนื่องจากมองว่าเอสเอ็มอีที่ผลิตชิ้นส่วนไม่สามารถทำการทดสอบมาตรฐานเหล่านี้เองได้
เป็นเรื่องที่รัฐบาลควรเข้ามาสนับสนุน ซึ่งในเบื้องต้นก็ได้มีการอนุมัติงบประมาณในวงเงิน
100 ล้านบาทเพื่อทำการศึกษาแผนงานอื่นๆ เพิ่มเติมไปในคราวเดียวกัน
"นอกจากนี้ในที่ประชุมยังเสนอให้ตั้งคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งชาติ
เพื่อติดตามแผนงานทั้งหมดที่รัฐบาลและเอกชน จะดำเนินการ โดยจะเป็นตัวกลางในการกำกับยุทธศาสตร์ต่างๆ
ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการติดต่อประสานงานทั้งหมด
ซึ่งตรงนี้นายกฯได้มอบหมายให้รองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นผู้ดูแล รวมถึงการเสนอขอให้นำระบบ
Net Account Settlement เข้ามาใช้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นระบบการค้าแบบหักบัญชี
โดยบริษัทมีการสั่งสินค้าเข้าและส่งออก สามารถหักลบส่วนต่างได้ทันที
ไม่จำเป็นต้องจ่ายออกไปก่อนทั้งหมด อันจะช่วยได้ในเรื่องของการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน"
ซึ่งหน่วยงานรัฐบาลที่อาจจะมีปัญหาในเรื่องระบบบัญชีก็ได้แก่ กรมศุลกากร
โดยเฉพาะการคืนภาษีมุมน้ำเงิน ที่จำเป็นต้องมีหลักฐานการชำระเงินอย่างชัดเจนก่อนคืนเงิน
ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข ส่วนโครงงานต่างๆ ที่เสนอไป ตนคิดว่าทุกฝ่ายน่าจะเห็นด้วย
โดยเฉพาะเรื่องของศูนย์ทด สอบ เพราะการลงทุนสี่พันกว่าล้านตอนนี้ หากคิดถึงปี 2549
ที่เราจะมีมูลค่าของอุตสาหกรรมรถยนต์ห้าแสนล้าน
ถือว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอน
ที่มา
: ประชาชาติธุรกิจ
ฉบับวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2546
|