ตลาดรถยนต์เอเชียโตสุดในโลก
เมื่อวันที่
11
พฤศจิกายนที่ผ่านมา "ดิ อีโคโนมิสต์ กรุ๊ป"
ได้มีการจัดสัมมนาโต๊ะกลม "ดิ
อีโคโนมิสต์ คอนเฟอเรนซ์" ครั้งที่ 8 ขึ้นในประเทศไทย โดยเป็นการอภิปรายอนาคต อุตสาหกรรมยานยนต์ในภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งอยู่ในช่วงฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมทั้งระบบ โดยเป็นผลมาจากภาพรวมของเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
การประชุมเปิดงานโดย "แกรม แม็กซ์ตัน"
กรรมการผู้จัดการของออโตโพลิส เอเชียเล่าสู่กันฟังถึงสถานการณ์และยอดจำหน่ายรถยนต์ในตลาดโลก
ที่มี 3 ยักษ์ใหญ่แห่งอเมริกา เจนเนอรัล มอเตอร์ส, เดมเลอร์ไครสเลอร์ และฟอร์ด ครองอันดับ 1-3
ในด้านยอดขาย ตามมาด้วยบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นอย่างโตโยต้า นิสสัน-เรโนลต์ และฮอนด้า แต่ที่น่าสนใจกลับเป็นเรื่องของมูลค่าผลกำไรและมูลค่าเพิ่มที่บริษัทรถยนต์เหล่านี้มี
เป็นที่น่าแปลกใจว่าบริษัทรถยนต์อย่างโตโยต้ากลับนำโด่ง ขณะที่บิ๊กทรีของอเมริกากลับมีสัดส่วนเหล่านี้น้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
รวมถึงประสิทธิภาพในด้านการบริหารต่างๆ ในจุดนี้ถือว่าบริษัทรถแดนปลาดิบนำโด่งแบบไม่เห็นฝุ่น
สถานการณ์ของตลาดเอเชียก็น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะตลาดประเทศจีนที่โตวันโตคืนและมีแนวโน้มว่าจะแซงตลาดใหญ่อย่างญี่ปุ่น
ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังค่อยๆ ดรอปลงไปในไม่ช้า ขณะที่ตลาดใหญ่อีกแห่งอย่างอินเดียก็ไม่น่าจะขยายตัวอย่างเปรี้ยงปร้างนัก
ผิดกับตลาดไต้หวันและไทยที่แม้จะมีตัวเลขไม่มากนัก แต่ศักยภาพและแนวโน้มของตลาดยังไปได้สวยอยู่
และนอกจากญี่ปุ่นแล้ว บทบาทของเกาหลีใต้ก็อาจจะถูกบดบังในช่วงทศวรรษถัดไปเช่นกัน สอดคล้องกับ
"เดวิด สไนเดอร์" ผอ.ฝ่ายพัฒนาธุรกิจของฟอร์ด เอเชีย-แปซิฟิก ที่บอกว่าตลาดเอเชียน่าสนใจที่สุดในปัจจุบัน
เพราะขณะที่อเมริกาเหนือกับยุโรปเริ่มทรงตัว ตลาดเอเชียกลับเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง
โดยเฉพาะยอดขายกว่า 14.4 ล้านคันจากฐานการผลิตทั้ง 9 แห่งของฟอร์ดในภูมิภาค
ฟอร์ดมองว่าตลาดเอเชียมีโอกาสที่จะขยายตัวอีกมาก และก็มีแผนที่จะจำหน่ายรถมากกว่า
6 ล้านคันในภูมิภาคนี้ในปี 2010 โดยเป็นส่วนแบ่งของประเทศจีน
49% อาเซียน 16% อินเดีย 12% เกาหลี 12% และที่เหลือเป็นที่อื่นๆ ในภูมิภาคนี้
โดยจะมีการลงทุนเพิ่มเติมในไทย จีน ออสเตรเลียและฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ยังมองว่าการส่งออกรถยนต์จากภูมิภาคนี้จะมาจาก
4 ประเทศหลักคือ ญี่ปุ่นที่มีการส่งออก 46%
ของยอดผลิต เกาหลีใต้ 48% ไทย 33% และออสเตรเลีย
31% "จากนี้ไปถึงปี 2010 นั้น การเติบโตของตลาดรถยนต์โลกจะอยู่ที่เอเชียถึง
60% โดยจากจำนวนนี้ ครึ่งหนึ่งจะมาจากประเทศจีน
ตามด้วยอาเซียนและอินเดีย ซึ่งฟอร์ดมองว่าเป็นการขยายตัวอย่างแท้จริง
โดยมีการผลักดันจากจีน อาเซียนและอินเดียเป็นหลัก"
"ชาร์ลี มูโรโดโน" กรรมการผู้จัดการ
เดนโซ่ อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชีย บอกว่า
ตลาดรถยนต์ในเอเชียจะเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน เห็นได้จากยอดการคาดประมาณการผลิตรถยนต์ในภูมิภาคที่นับวันจะสูงขึ้นเรื่อยๆ
โดยการคาดการณ์ล่าสุดถึงปี 2010 พบว่าประเทศจีนจะผลิตรถถึง 8 ล้านคัน อาเซียน 2.5 ล้านคัน และอินเดีย 1.8 ล้านคัน โดยเดนโซ่เองมีแผนลงทุนถึงระหว่างปี 2000-2005 กว่า 400
ล้านเหรียญในภูมิภาคนี้เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด
ขณะที่ "วี สุมันตรัน" ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจรถยนต์นั่งและศูนย์วิจัยวิศวกรรม ของทาทา มอเตอร์ โลคอลแบรนด์จากอินเดีย
บอกว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ในเอเชียถือว่ามีความท้าทายอย่างมาก โดยความท้าทายอยู่ที่การมุ่งเป้าหมายไปที่ความชำนาญในการพัฒนาสินค้า
โดยการลงทุนในเอเชียก็เป็นสิ่งที่ประสบผลสำเร็จดี เนื่องจากเอเชียเป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพในเรื่องการพัฒนายานยนต์ด้วยงบฯลงทุนที่เหมาะสม
รวมถึงประสิทธิภาพในการผลิตที่โดดเด่น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ดีและน่าจะผลักดันให้อุตสาหกรรมในภูมิภาคนี้ก้าวหน้าอย่างโดดเด่นและต่อเนื่องอย่างยิ่ง
!!!
ที่มา
: ประชาชาติธุรกิจ
ฉบับวันที่ 13 พฤศจิกายน 2546
|