ทศท ผันงานวิจัยเป็นสินค้าเสริมงานบริการ
ทศท เผยโฉมงานวิจัยและพัฒนา
โทรศัพท์สาธารณะมัลติมีเดียแสดงภาพของผู้ใช้บริการ พร้อมเคาน์เตอร์เซอร์วิส
สำหรับชำระค่าบริการอัตโนมัติ เสริมธุรกิจให้บริการตามสำนักงาน
แหล่งข่าวจากบริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในการประชุมแผนปฏิบัติการผู้บริหาร ทศท เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้มีการนำเสนองานวิจัย
และพัฒนาเทคนิค สำหรับพัฒนาต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ใน 2 ผลิตภัณฑ์
ได้แก่ 1.โทรศัพท์สาธารณะมัลติมีเดีย และ 2.ระบบบริการเคาน์เตอร์เซอร์วิส ที่สามารถชำระค่าบริการอัตโนมัติ ทั้งนี้
คุณหญิงทิพาวดี ประธานคณะกรรมการ ทศท และปลัดกระทรวงไอซีที ได้มอบหมายให้ ทศท
ไปจัดทำแผนธุรกิจ เพื่อนำเสนอบอร์ดต่อไป
สำหรับจุดเด่นของงานพัฒนาเครื่องโทรศัพท์สาธารณะมัลติมีเดีย
รุ่นเอสไอดีที่นำเสนอในครั้งนี้ เป็นผลิตภัณฑ์ที่รวมเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ กับเทคโนโลยีด้านโทรคมนาคมเข้าใช้งานร่วมกัน
มีระบบการทำงานหลัก 4 บริการ ได้แก่ บริการเสียง, อินเทอร์เน็ต, อีเมล และวิดีโอ การ์ด ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถเห็นผู้ใช้ปลายทาง
ผ่านกล้องวิดีโอที่ติดอยู่กับตัวเครื่อง โดยเป็นการใช้งานผ่านคีย์บอร์ดระบบทัชสกรีน
ซึ่งจะทีเมนูใช้งานเช่นเดียวกับอินเทอร์เน็ต บราวเซอร์ ทั่วไปพร้อมกับให้บริการอีเมลแบบเอสเอ็มทีพี/พีโอพี3 ที่เป็นระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
ในการเข้าถึงระบบเมลขององค์กรต่างๆ ด้วย "มองว่าตรงนี้จะเพิ่มช่องเพิ่มรายได้ด้านบริการระบบมัลติมีเดียให้เรา
และสามารถเข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้หลากหลาย" แหล่งข่าวกล่าว
นอกจากนี้
ยังเป็นช่องทางธุรกิจใหม่ทางอิเล็กทรอนิกส์กลุ่มธุรกิจในเครือ ทศท และสามารถโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางนี้
ช่วยสร้างมูลค่าให้กับโครงข่ายสื่อสารข้อมูลของ ทศท และบัตรโทรศัพท์ทีโอที การ์ด
ขณะที่ ในส่วนของทีโอที มินิ เคาน์เตอร์
เซอร์วิสนั้น มีแผนติดตั้งตามสำนักงานบริการ โดยผู้ใช้บริการสามารถนำใบแจ้งหนี้รับเงินไปตรวจสอบหมายเลขที่เครื่อง
และชำระเงินผ่านการหักบัญชีจากบัตรเครดิต บัตรเดบิต และทีโอที การ์ดโดยอัตโนมัติ
นอกจากนี้ ทศท อยู่ระหว่างเจรจากับธนาคารพาณิชย์หลายราย
จัดตั้งความร่วมมือใช้ระบบชำระค่าบริการผ่านระบบเปย์เมนท์ เกตเวย์ เพื่อรองรับการทำอี-คอมเมิร์ซ
ในอนาคต โดยคาดว่าบริการที่ใช้ผ่านระบบเคาน์เตอร์ เซอร์วิส มี 4 ประเภท ได้แก่ 1.บริการชำระค่าบริการธุรกิจของ ทศท 2.
ชำระค่าสาธารณูโภคต่างๆ 3. ซื้อ-ขายสินค้าของบริษัทที่ร่วมในโครงการ และ 4. ให้บริการจองตั๋วภาพยนตร์
คอนเสิร์ต เป็นต้น
ที่มา
: กรุงเทพธุรกิจ
ฉบับวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2546
|