"IMD" เลื่อนไทยขึ้นแท่นอันดับ10 เทียบความสามารถแข่งขันทั่วโลก
ไอเอ็มดีจัดสหรัฐและฟินแลนด์เป็นอันดับ
1 ในจำนวนประเทศทั่วโลกที่มีความสามารถในการแข่งขันสูงสุด พิจารณาจากบรรยากาศความน่าลงทุน
ขณะที่ไทยมาเป็นอันดับ 10 ขึ้นจากปีก่อนหน้าที่อันดับ 13
สถาบันเพื่อการพัฒนาการจัดการ (Institute for Management
Development-IMD) ของสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยรายงานว่าด้วยความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ
ประจำปี 2003 ว่า ประเทศที่ครองแชมป์ได้แก่ สหรัฐและฟินแลนด์
ในการพิจารณาจัดอันดับครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นปีแรกที่ไอเอ็มดีจัดแบ่งประเทศต่างๆ
ออกเป็นสองกลุ่ม สหรัฐได้ครองแชมป์อันดับ 1
ในกลุ่มประเทศที่มีประชากรมากกว่า 20 ล้านคน และนับเป็นปีที่
5 ติดต่อกันตั้งแต่ปี 1999
ส่วนฟินแลนด์มาเป็นที่ 1 ในกลุ่มประเทศที่มีประชากรน้อยกว่า 20 ล้านคน เลื่อนขึ้นจากอันดับ 2 ในปีที่ผ่านมาที่มิได้มีการจัดแบ่งออกเป็น
2 กลุ่ม
หลายปีที่ผ่านมาไอเอ็มดีจัดอันดับประเทศที่มีความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ
โดยพิจารณาจากการส่งออกและการลงทุนจากต่างชาติ แต่ในปีนี้ ไอเอ็มดีจัดอันดับโดยให้ความสำคัญกับความน่าสนใจทางการลงทุน
หรือความน่าสนใจของลักษณะสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ซึ่งประกอบไปด้วยประสิทธิ ผลของธุรกิจ
การทำงานและกฎเกณฑ์ของรัฐบาลในแต่ละประเทศ ระบบโครงสร้างขั้นพื้นฐานและการจัดการกับเศรษฐกิจโดยรวม
ตลอดจนนโยบายภาครัฐในการจัดการให้บริษัทท้องถิ่นไม่นำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศสูงเกินความเหมาะสม
ผู้อำนวยการฝ่ายการวัดระดับการแข่งขันของไอเอ็มดีระบุว่า สหรัฐยังคงครองอันดับ
1 ในกลุ่มประเทศที่มีประชากรเกิน 20
ล้านคนได้ เนื่องจากการลดอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับที่ต่ำมากและปริมาณการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่สูง
แต่ก็กล่าวเตือนว่า การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดและการเสนอแผนลดภาษีของประธานาธิบดีจอร์จ
ดับเบิลยู. บุช อาจสร้างหนี้ต่างประเทศให้เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งอาจส่งผลให้ประเทศกำลังพัฒนาเพิ่มเงินลงทุนได้ยากมากขึ้น
เพราะสหรัฐอาจดึงเงินลงทุนจากทั่วโลกส่วนใหญ่ไป สำหรับประเทศที่อยู่ในอันดับรองจากสหรัฐได้แก่
ออสเตรเลีย แคนาดา มาเลเซีย และเยอรมนี ตามลำดับ โดยไทยถูกจัดอยู่ในอันดับ 10 เลื่อนขึ้นจากอันดับ 13 ของปีที่ผ่านมา
สาธารณรัฐประชาชนจีนอันดับ 12 เท่าปีก่อน
และอินโดนีเซียอันดับ 28 ตกจากอันดับ 25 สำหรับประเทศที่มีประชากรต่ำกว่า 20 ล้านคน ฟินแลนด์มาเป็นอันดับ
1 ตามมาด้วยสิงคโปร์ เดนมาร์ก และฮ่องกง จากทั้งหมด 29
ประเทศ
รายงานไอเอ็มดียังระบุถึงปัญหาในการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศทั่วโลกด้วยว่า
ในปีที่ผ่านมาแม้ออสเตรเลีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และฮ่องกงทำการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนิน
งานได้เป็นอย่างดี แต่การระบาดของโรคซาร์สคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับของประเทศในภูมิภาคเอเชียปีหน้า
ส่วนประเทศหลักๆ ในยุโรป ปัญหาการขาดดุล การปฏิรูปภาครัฐ และมาตรการของรัฐบาลที่เข้มงวดมากเกินไปถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่ถ่วงความสามารถในการแข่งขัน
ขณะที่ประเทศในละตินอเมริกาต้องเพิ่มระดับความมั่นคงทางการเมืองและการกำหนดนโยบายให้นักลงทุนสามารถคาดการณ์ได้
เฉพาะอย่างยิ่งอาร์เจนตินาและเวเนซุเอลา
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าจับตามองและต้องระมัด
ระวังอย่างมากในระบบเศรษฐกิจโลกได้แก่ หนี้ภาคเอกชนทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
ตลอดจนการที่สินทรัพย์ของกองทุนเงินสงเคราะห์หลายแห่งมีมูลค่าลดลงถึงประมาณ 2.8
ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้รัฐและบรรษัทต่างๆ จำเป็นต้องรีไฟแนนซ์ อย่างเร่งด่วน
ที่มา
: ประชาชาติธุรกิจ
ฉบับวันที่ 19 พฤษภาคม 2546
|