อังกฤษเร่งพัฒนา บัตรไอดีเครือข่ายออนไลน์
เผยช่วยนำระบบพิสูจน์บุคคลอิเล็กทรอนิกสู่ยุคใหม่
ลอนดอน - บริษัทอังกฤษ พัฒนาบัตรดิจิทัล
บรรจุรหัสประจำตัว สำหรับการทำธุรกรรม ทางอินเทอร์เน็ต
พร้อมสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ประมวลผลการพิสูจน์ 600 รายต่อวินาที
ชี้เป็นนวัตกรรมครั้งยิ่งใหญ่ ในเทคโนโลยี ระบบความปลอดภัย ของวงการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
สำนักข่าวบีบีซี นิวส์ รายงานว่า
บริษัทเทคโนโลยีในประเทศอังกฤษ ได้พัฒนาเทคโนโลยีพิสูจน์บุคคลระบบดิจิทัล โดยกล่าวว่าจะช่วยให้การทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ต
มีความก้าวหน้าขึ้นอย่างมหาศาล นายปีเตอร์ นิวพอร์ท หัวหน้าฝ่ายบริหารบริษัทควิซิด
เทคโนโลยีส์ แห่งประเทศอังกฤษ เปิดเผยว่าทางบริษัท
ได้พัฒนาบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งใช้ในการพิสูจน์บุคคลในระบบดิจิทัล และได้มีการเปิดตัวไปแล้วในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษ
พร้อมเสริมว่า เทคโนโลยีใหม่นี้
จะช่วยให้การพิสูจน์ตัวบุคคลระบบดิจิทัลก้าวเข้าสู่ยุคใหม่
อุปกรณ์ดังกล่าวมีขนาดใกล้เคียงกับบัตรเครดิต
และจะมีปุ่มสีอยู่บนบัตร เมื่อผู้ใช้ต้องการทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ต
จะต้องกดปุ่มสีดังกล่าว และบัตรจะสุ่มเลือกหมายเลขประจำการทำธุรกรรมครั้งนั้นออกมา
เทคโนโลยีดังกล่าวต้องอาศัยระบบคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะ และสามารถประมวลผลการพิสูจน์บุคคลได้ถึง
600 รายต่อวินาที ทางบริษัทเผยว่า
ระบบดังกล่าวใช้งบประมาณในการพัฒนาหลายล้านปอนด์ และมีประสิทธิภาพด้านการรักษาความปลอดภัยทัดเทียมกับระบบทางการทหาร
ปัจจุบันการทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ต ที่อาศัยบริการของธนาคารหรือรัฐบาล จะใช้ระบบรหัสผ่าน
และการลงทะเบียนชื่อผู้ใช้ ซึ่งจัดว่าไม่มีความปลอดภัยนัก โดยธนาคารและรัฐบาลทั่วโลก
ต่างต้องการระบบสากลสำหรับการพิสูจน์บุคคลทางอินเทอร์เน็ต ที่ผู้ประกอบการและผู้บริโภคสามารถเชื่อถือได้อย่างแท้จริง
ดร. ไซมอน มัวร์
นักวิเคราะห์ด้านระบบความปลอดภัย กล่าวว่า หากไม่สามารถแก้ปัญหาการพิสูจน์บุคคลระบบดิจิทัลได้แล้ว
รัฐบาลอังกฤษก็จะไม่สามารถเป็นผู้นำในระบบเศรษฐกิจที่นำโดยเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารได้เลย
"ที่ผ่านมา ธุรกิจในประเทศต้องประสบปัญหาอย่างมาก ภาคเอกชน
ธนาคาร และรัฐบาลเอง ต่างก็ต้องการแก้ปัญหาเหล่านี้
ซึ่งระบบดังกล่าวสามารถใช้งานได้ง่าย มีราคาถูก และเหมาะสมกับตลาดขนาดใหญ่"
นายนิวพอร์ทกล่าว ทั้งนี้
ได้เคยมีผู้เสนอแนวคิดในการนำบัตรอัจฉริยะมาใช้ ในการพิสูจน์ตัวบุคคลในระบบดิจิทัล
แต่กลุ่มนักสิทธิมนุษยชนพากันทักท้วง เนื่องจากกังวลว่าอาจระบบความปลอดภัย ในการจัดเก็บข้อมูลส่วนตัวของประชาชนอาจไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ "เราต้องการอุปกรณ์พกพา
ที่ผู้บริโภคสามารถใช้งานได้ง่าย รวมทั้งช่วยเพิ่มระดับความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีนี้"
นายริชาร์ด แบร์ริงตัน ผู้อำนวยการองค์กรอี-เอนวอย
ของรัฐบาลกล่าว
ตัวแทนบริษัทควิซิด เผยว่า ปัจจุบันทางบริษัทกำลังเจรจากับธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่ง
ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายบัตรดังกล่าว โดยบริษัทที่ใช้ระบบนี้ จะต้องเสียค่าบริการราว 10-70 ปอนด์
ต่อลูกค้าแต่ละราย ขึ้นกับจำนวนผู้ใช้ของบริษัท และเมื่อผู้บริโภคได้รับการจดทะเบียนเพื่อใช้บัตรดังกล่าวแล้ว
บริษัทอื่นๆ ก็สามารถให้บริการได้ผ่านบัตรใบเดียวกัน อย่างไรก็ตาม
ทางบริษัทหวังว่าจะสามารถจำหน่ายบัตรดังกล่าวได้ราว 500,000 แผ่นในช่วงปีแรก
แต่คาดว่าทางรัฐบาลจะไม่เป็นผู้ออกบัตรให้แก่ประชาชนเอง แม้ว่าอาจสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วน
ที่มา
: กรุงเทพธุรกิจ
ฉบับวันที่ 21 ตุลาคม 2545
|